Three things to cultivate สามสิ่งควรกระทำให้มี Good book Good Freind Good Humour หนังสือดี เพื่อนดี จิตใจดี

วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550

49 คำถามที่ผู้ชายเคยสงสัย แต่ผู้หญิงไม่เคยตอบ

49 คำถามที่ผู้ชายเคยสงสัย แต่ผู้หญิงไม่เคยตอบ

1. เวลาผู้หญิงเข้าห้องน้ำ จะเปิดซิปกระโปรงหรือ ถลกเอา?
ตอบ : แล้วแต่สะดวก แต่ส่วนมากถลก

2. ผู้หญิงสวมกระโปรงยาวเป็นคนเรียบร้อยใช่ไหม?
ตอบ : ไม่เสมอไป อาจเป็นแฟชั่น

3. มีเสื้อผ้าเต็มตู้ จนไม่มีช่องว่างให้แมลงสาบหายใจ แต่ทำไมยังบอกว่าไม่มีอะไรจะใส่?
ตอบ : ก็หาที่ถูกใจกับอารมณ์วันนี้ยังไม่ได้ หรืออาจจะเรียกให้ดูดีหน่อยอาจจะบอกว่า เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละวัน หรือว่าแฟชั่นช่วงนั้น

4. ทำไมผู้หญิงต้องมุ่งมั่นเอากับการทำให้ผมตรงเรียบ แบบเอาเป็นเอาตายด้วย?
ตอบ : แล้วจะให้มันยุ่งทำไมละ (ก็นั่นนาเซ่.. )

5. สวมร้องเท้าส้นสูงแหลมๆทำไมถึงทรงตัวได้?
ตอบ : เป็นพรสวรรค์ตั้งแต่ชาติก่อน (อ่อเหรอ )

6. ไอ้เจ้ามาสคาร่านะ มันจะทำให้ดูดีขึ้นเหรอ?
ตอบ : โคตรๆ ถ้ายาวทิ่มตาผู้ชายได้ จะแฮปปี้สุดๆ (อิเจ๊โรค จิต )

7. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเลยหรือ?
ตอบ ไม่ใช่แค่น้ำหนัก แต่รวมถึงเอว ตะโพก พุง ต้นแขน ต้น ขา และรอบคอ

8. ต้องการอะไร ทำไมไม่พูดตรงๆและทำไมต้องคิดว่าผู้ชายต้องเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้าด้วย
ตอบ : อ้าว! ไม่รู้นี่ว่า ผู้ชายไม่ฉลาด (ไม่น่าถามเร๊ย... )

9. เวลาคนอุ้มท้อง นอนหงายหรือนอนตะแคง?!
ตอบ : ทั้งสองอย่าง แล้วแต่ความเมื่อย

10. ทำไมต้องเติมแป้งที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ตอบ : อยากสวย (งั้น..ปกติคงไม่...ล่ะสิ )

11. เป็นโสดทำไม?
ตอบ : ที่หาได้ก็ไม่ดี ที่ดีๆก็หาไม่ได้ (ไอ่ที่หาได้แล้วดีๆ ก็ปล่อยหลุดไปซะนี่ )

12. ผู้หญิงตายด้าน มีหรือเปล่า?
ตอบ : ผู้หญิงที่ตายด้านก็เพราะคำตอบข ้อ 11 นั่นแหละ

13. ทำไมต้องมีร้องเท้าหลายสิบคู่ด้วย มันต่างกันยังไง?
ตอบ : ทำไมผู้ชายถึงชอบมีเมียที่ละหลายคน มันต่างกันยังไง (แหม ถ้ามีเยอะขนาดนั้นได้ก็ดีน่ะสิ 10คู่ = 20คน )

14. ทำไมฝีมือการขับรถของผู้หญิงไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย?
ตอบ : ก็เพิ่งรู้ตอนคุณถาม แต่ผู้หญิงก็ไม่ได้เมาแล้วขับ เอ๊อๆๆๆ (แต่เมาแล้วขี่...)

15. ทำไมผู้หญิงชอบกินผลไม้ดอง?
ตอบ : แล้วทำไมผู้ชายชอบดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ (ผมเลิกแล้ว เด๋วนี้หันมาดูดบุรุษ)

16. เวลาคุณเสยผม แปลว่าเชิญชวนใช่ไหม?
ตอบ : ไม่ว่ากันถ้าจะคิดอย่างนั้น ขนาดผู้หญิงด่าคุณ ยังหาว่า ผู้หญิงชอบ (ไม่ด่าอย่างเดียวนะ เด๋วนี้มีเหยียดเท้าด้วย )

17. ไอ้กระเป๋าสะพายราคาเป็นหมื่นๆนั้น มันวิเศษยังไง?
ตอบ : แล้วสุราราคา แพงๆทำไมคุณบอกว่าอร่อยกว่าราคาถูกทั้งๆที่ดื่มแล้วก็เมาเหมือนกัน (แล้วถ้าผมปั่นจิ้งหรีดแทนกินเหล้า คุณจะใช้ถุงก๊อปแก๊ปออกงานป่ะ )

18. กลัวลิปสติกเลอะเวลากินข้าว แล้วทำไมต้องทาก่อนออกไปกินข้าวด้วย?
ตอบ : คำตอบเดียวกันกับ คุณรู้ว่าเที่ยวผู้หญิง นอกใจเมีย เสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ แล้วทำทำไม (เพิ่งรู้ว่าทาลิป มันเร้าใจขนาดนั้นเชียว )

19. ส้มตำเป็นยาอายุวัฒนะเหรอ?
ตอบ : ก็อยากผอม สวย และเอาใจผู้ชายอย่างคุณไง (ผอม สวย และเอาใจ ไม่เท่าไหร่ ชอบเสียงเผ็ดซี๊ดซ๊าดของคุณเร้าใจกว่า... )

20. ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้น เพราะอยากอวดให้ผู้ชายเห็นเรียวขาหรือเปล่า?
ตอบ : ใช่ แต่ไม่ได้แค่อวดกับผู้ชายนะกับผู้หญิง ถ้าฉันขาสวย ฉันก็อยากอวดพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน (อุเหม่...ชะนีโชว์เหนือ )

21. ในการปฏิบัติกิจพิเศษ ผู้หญิงสามารถรับได้สูงสุดกี่หนในคราวเดียว?
ตอ บ : ผู้ชายทำได้กี่หนก็รับได้เท่านั้นแหละ ว่าแต่จะทำได้หรือเปล่าเหอะ ( )

22. เสื้อชั้นใน ตะขอหน้ากับตะขอหลัง มันต่างกันตรงไหน?
ตอบ : ตะขอหน้าสำหรับผู้ชายมือใหม่ ตะขอหลังสำหรับขั้นเทพ คุณละ ขั้นไหน (เทพมือใหม่งับป๋ม)

23. เวลามีรอบเดือน เจ็บปวดหรือเปล่า?
ตอบ : เจ็บปวด ไม่ทุกคนและก็ไม่ทุกครั้ง

24. คุณซัก กางเกงในกันบ่อยแค่ไหน?
ตอบ : บ่อยเท่าที่จะทำได้ นุ่งซ้ำไม่ลงเหมือนคุณหรอก (เฮ้ย! ไม่ซ้ำ หน้าA หน้าB ซ้ำที่ไหนกัน )

25. ผู้ชายเก่งกับผู้ชายรวย อย่างไหนมีน้ำหนักกว่ากัน
ตอบ : ถ้าทั้งเก่ง ทั้งรวย น้ำหนักจะดีมากๆ (ผู้ชายอ้วนจิ น้ำหนักดีมากๆ )

26. ทำไมคุณเดินช้อปปิ้งโดยที่ไม่ เหมื่อย ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อกันเลย
ตอบ : เวลาที่คุณดื่มสังสรรค์กับเพื่อนคุณถึงสว่าง คุณไม่อยากเลิก ไม่เหนื ่อย ไม่เบื่อ บ้างหรือ

27. เพชรมันสวยยังไง ทำไมใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของกันหนักหนา
ตอบ : ก็มันสวยกว่าก้อนหินนี่ (ขอบคุณ )

28. คุณนอนหลับท่าไหนกันบ้าง
ตอบ : ทุกท่าที่ทำให้หลับสบาย (ขอบคุณอีกที )

29. จุดยุทธศาสตร์ของผู้หญิงน่ะ จริงๆแล้วมีตรงไหนบ้าง
ตอบ : ถามแฟนคุณจะดีที่สุด (โทดทียังมะมีอ่า... )

30. คุณเคยช่วยตัวเองใช่ไหม
ตอบ : คุณถามเพราะไม่รู้จริงๆเหรอ (จิงจิ๊ง.... )

31. ผู้หญิงบ้างคนทำอาหารไม่เป็นเลยจริงๆหรือว่าแกล้งทำ
ตอบ : ทำน่ะ มันทำได้ แต่จะขาดรสอร่อย (ก็ถูก )

32. ทำไมผู้หญิงวิตกจริตกันเอามากๆ
ตอบ : คุณเรียกว่าวิตกจริตแต่ผ ู้หญิงเรียกว่า กลัว (จ้าๆ )

33. ทำไมผู้หญิงถึงได้ตั้งใจและเรียนเก่งกันนัก
ตอบ : ก็เพราะผู้หญิงขับรถไม่เป็นสับปะรดไง (เกี่ยวเรอะเจ๊ )

34. ยามเข้านอน คุณสวมชุดชั้นในกันหรือเปล่า
ตอบ : แล้วแต่คนส่วนมาก ไม่ (ผมก็ไม่..ทั้งชั้นในและ นอก... )

35. ทำไมต้องรวบผมครึ่งเดียว
ตอบ : มันจำเป็นที่จะต้องรวบหมดด้วยเหรอ

36. ตอนสวมชุดเกาะอก เปิดไหล่ใส่เสื้อชั้นในกันหรือเปล่า
ตอบ : ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้างแล้วแต่ชุด

37. ตอนสวมชุดว่ายน้ำ คุณสวมกางเกงในด้วยหรือเปล่า
ตอบ : คำตอบเดียวกับข้อ 36

38. เคยจินตนาการแบบอีโรติก กับผู้ชาย ที่กำลังอยู่ตรงหน้าบ้างไหม
ตอบ : ไม่เคย พราะแค่เจอหน้าก็อารมณ์หดหมดแล้ว แต่ถ้ากับดารา ก็ไม่แน่ (เอ่อ..ตูไม่หล่อมั่งนะ...ฮึ่ม )

39. ชุดโชว์ร่องอกน่ะ อยากให้ผู้ชายดูใช่ไหม
ตอบ : คล้ายๆกับคำตอบข้อ 20

40. ทำไม ต้องอคติกับแม่สามีด้วย (กำลังจะคิดให้มี”วันแม่ยาย” )
ตอบ : อาจจะเพราะรักผู้ชายคนเดียวกันก็ได้มั้ง

41. เอ่อ! ..คุณชอบท่าไหนมากที่สุด
ตอบ : ทำไมคุณไม่ถามว่าเกลียดท่าไหนที่สุด จะตอบง่ายกว่า

42. คุณจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาเดียวกับผมได้ไหม
ตอบ : ได้ แต่คุณลองให้เหตุผลดีๆมาซัก 3 ข้อ

43. ถ้ามาอยู่บ้านผู้ชายแล้ว ผู้หญิงเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านไหม
ตอบ : แล้วทำไมผู้หญิงต้องไปอยู่บ้านคุณด้วย (อ่า..รอแปป..กะลังหาเหตุผลดีๆซัก 3 ข้อ )

44. ทำไมผู้หญิงต้องเอาเป็นเอาตาย กับวันครบรอบสารพัดวันด้วย
ตอบ : ที่จริงผู้หญิงทุกคนอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่รัก จะรักและสนใจอะไรเกี่ยวกับตัวเธอบ้างไหม

45. ผู้หญิงเค ยสวมกางเกงในกลับด้านกันบ้างไหม
ตอบ : ไม่เคย (อ๊าย...เชย เบื่อๆก็หัดมาใส่หน้าB บ้างนะ)

46. กางเกงเป้าต่ำน่ะ ใส่สบายดีจริงๆหรือเปล่า
ตอบ : ก็สบายต่อสายตา ผู้ชายไง (อ่านะ งั้นก็ใส่ต่อเหอะ ชอบดูกะปุกออกสินโผล่ตอนนั่ง )

47. ทำไมต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลี้ยงทุกครั้งที่ออกเดท
ตอบ : ไม่ได้ตั้งใจ (แต่จงใจใช่ป่าว )

48. คุณเคยดูหนังโป๊กันใช่ไหม
ตอบ : ใช่ ชอบด้วย (มาดูด้วยกานป่ะอะคึ อะคึ )

49. ระหว่างเครื่องสำอางกับอาหาร คุณให้อะไรเป็นที่หนึ่ง
ตอบ : เครื่องสำอาง

เลือกรองเท้า เสริมราศี

เลือกรองเท้า ช่วยเสริมราศี

ใครที่ตัดสินใจเลือกรองเท้านานๆ งานนี้มีตัวช่วยแล้ว เมื่อการเสริมราศีเข้ามามีบทบาทในวงการรองเท้า งานนี้สาวๆ นอกจากจะได้ตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่โปรดง่ายๆ ยังได้รองเท้าที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกอีกด้วย...

สาวราศีมังกร เป็นคนพูดน้อย แต่มีความรับผิดชอบเรื่องงานสูงมาก สาวราศีนี้จึงเหมาะกับรองเท้าคู่เก่งที่ให้ความคล่องตัว เช่นรองเท้าแบนแต๊ด (หรือ flat shoes ที่กำลังอินอยู่ตอนนี้พอดี) ยิ่งถ้าเลือกหัวมนเหมือนรองเท้าบัลเล่ต์จะยิ่งทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ห์ขึ้นอีกเยอะ ไม่ว่าจะใส่คู่กับกระโปรงหรือกางเกงยีนก็ดูดีไปซะหมด
สีรองเท้าที่เหมาะ น้ำเงิน ฟ้า น้ำตาล

สาวราศีกุมภ์ สำหรับสาวชอบเข้าสังคม เป็นคนสนุกสนานเฮฮา และอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ อย่างสาวราศีกุมภ์ ถ้าเลือกใส่รองเท้าที่มีลูกเล่นประดับประดาพราวพรายด้วยประกายวิบวับอย่างคริสตัลสี (bejeweled shoes) ก็จะช่วยเสริมให้คุณโดดเด่นเป็นที่สนใจ ไปไหนก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนรอบข้างอย่างแน่นอน
สีรองเท้าที่เหมาะ สีสดๆ เช่นแดงสด ม่วงสด หรือสีเมทัลลิก เช่น เงิน ทอง

สาวราศีมีน แม้ภายนอกจะดูขี้อายกว่าสาวราศีอื่นๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งตัวสาวราศีมีนทั้งหลายจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร หากคุณเป็นสาวราศีมีนที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่ให้ตัวเองอยู่ละก็แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีสายรัดส้น (sling back) หรือแบบไม่มีสายรัด (mule) ก็ได้ แต่ต้องทำจากผ้าซาตินสีหวานๆ เพราะช่วยแสดงความละเอียดอ่อน และโรแมนติกของคุณได้ดี ไม่ว่าจะใส่กลางวันหรือกลางคืนก็ทำให้คุณงามแจ่มบาดใจละไมตามากๆ
สีรองเท้าที่เหมาะ สีพาสเทล เช่น ชมพูอ่อน เขียวอ่อน สีน้ำตาลเอิร์ธโทน

สาวราศีเมษ เรื่องความมั่นใจ ไอเดียบรรเจิดๆ และความซุปเปอร์เทรนด์ของสาวราศีนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ สำหรับรองเท้าคู่โปรดปรานที่ช่วยให้สาวเมษลัคกี้อินเกมและอินเลิฟตลอดกาล ต้องเป็นรองเท้าส้นเล็กแหลมเปี๊ยบ (Kitten heels) ซึ่งเสริมความเป็นผู้หญิงของคุณออกมาอย่างแรงแบบไม่มีใครเกิน
สีรองเท้าที่เหมาะ แดงสด ฟ้าสด น้ำตาล

สาวราศีพฤษภ สาวราศีนี้เป็นนักปฏิบัติ ชอบหาอะไรใหม่ๆ ทำ เข้าข่ายไฮเปอร์ไม่ยอมหยุดอยู่นิ่ง รองเท้าคู่กายที่ขาดไม่ได้ของเธอจึงต้องเน้นประโยชน์ใช้สอย ทนทานและดูแลรักษาง่าย พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ นอกจากบู๊ตแล้ว รองเท้าคัตชูหัวมน (Pumps) ก็เหมาะมากกับสาวพฤษภ ช่วยเสริมให้ดูเป็นคนหนักแน่น มั่นคง ดูเอาจริงเอาจัง
สีรองเท้าที่เหมาะ สีดำ น้ำตาล น้ำเงิน แดงเลือดหมู

สาวราศีเมถุน เพราะเป็นสาวเฟลิร์ตตี้ มีความสมาร์ทปนเซ็กซี่อยู่ในตัว และเปนนักอ่านแมกกาซีนตัวยง ดังนั้นจึงมน่าแปลกใจหาแกสาวราศีนี้จะอัพเดทเกาะติดเทรนด์แฟชั่นอยู่แถวหน้าเสมอๆ ส่วนในที่ทำงานเธอก็ได้ชื่อว่าเป็น Office Queen ด้วยสไตล์การแต่งตัวที่เก๋เริ่ดเกินหน้าใคร แม้สาวราศีนี้จะขาดไม่ได้เลยกับรองเท้าแบรนด์เนมซึ่งต้องมีเก็บไว้ในตู้ แต่หากเป็นรองเท้าทรงหัวแหลมเปี๊ยวดูเพรียวชะลูดก็จะส่งเสริมหน้าที่การงานให้มีอนาคตก้าวไกลได้
สีรองเท้าที่เหมาะ สีฟ้า เขียว เหลือง ดำ

สาวราศีกรกฎ ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวอาร์ติสต์ชอบทำอะไรตามอารมณ์ รวมถึงเรื่องการแต่งตัวหากเธอได้รับการ์ดเชิญไปงานที่ระบุ dress code ขึ้นมาเมื่อไหร่ สาวกรกฎจะไม่สนใจ ขอใส่แบบที่คิดว่าสวยเด็ดสำหรับเธอเท่านั้น แต่วันไหนสาวราศีนี้อยากลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองบ้าง แนะนำให้เลือกรองเท้าส้น เพราะจะทำให้ดูเป็นสาวนุ่มนวลน่าทะนุถนอมทีเดียวล่ะ
สีรองเท้าที่เหมาะ สีน้ำตาล ฟ้า น้ำเงิน เขียว

สาวราศีสิงห์ เป็นคนชอบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดอินเทรนด์ตลอดกาล ชนิดที่เรียกว่าเป็นสาวกแบรนด์เนมอันดับต้นๆ ก็ว่าได้ ถ้ามีรางวัลแต่งตัวดียอดเนี่ยม ต้องขอยกตำแหน่งนี้ให้เธอไปครอบครองเพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมาใส่ก็มักได้รับคำชมจากคนรอบข้างเสมอๆ รองเท้าที่จะช่วยสร้างเสน่ห์และเสริมส่งความน่ารัก สำหรับสาวราศีนี้ต้องเป็นส้นสูงปรี๊ด (Stiletto) รับรองว่าขาจะดูเรียวเพรียวเซ็กซี่ทุกย่างก้าวที่เดิน แต่ยังไงก็อย่าเพลินกระหน่ำความสูงมากไปละกัน เดี๋ยวปวดหลังแล้วจะหาว่าไม่เตือน
สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดง ส้ม ทอง เงิน

สาวราศีกันย์ เซนส์ในการแต่งตัวเป็นคุณสมบัติโดดเด่นของสาวราศีกันย์ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวในการ มิกซ์แอนด์แมชท์เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าให้เข้ากันอย่างไม่มีที่ติ หากสาวกันย์เลือกใส่รองเท้าสไตล์คลาสสิกยอดฮิต อย่างเช่นส้นสูงไม่มีสายรัด (mule) หรือ เปิดด้านหน้า (open-toed) ก็จะช่วยใหการงานปลอดโปร่งจากปัญหาหรืออุปสรรคมาขัดขวาง ทำอะไรก็ราบรื่น ผ่านฉลุยลูกเดียว
สีรองเท้าที่เหมาะ สีเขียวหยก ม่วง น้ำตาล ดำ

สาวราศีตุล แม้จะให้ความสำคัญกับความเนี้ยบเป็นอันดับหนึ่ง แต่สไตล์การแต่งตัวของสาวราศีตุลก็ยังคงนิยมความเรียบง่ายเข้าไว้ก่อน เพราะยึดอคติว่า less is more คือ ยิ่งน้อยชิ้นเท่าไหร่ยิ่งดีและด้วยบุคลิกเรียบโก้ แน่นอนว่ารองเท้าที่สาวราศีตุลมีไว้เป็นเพื่อนคู่ใจจึงไม่ค่อยมีดีเทลจุกจิกนัก กระนั้นถ้าหากเลือกรองเท้าส้นเตารีด (wedges) มาใส่สักคู่ เพราะจะช่วยนำพาความมั่นคงก้าวหน้ามาสู่ชีวิต มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำจุน พูดจากอะไรก็น่าเชื่อถือ สีรองเท้าที่เหมาะ สีขาว เอิร์ธโทน ฟ้า น้ำเงิน

สาวราศีพิจิก ลักษณะเด่นของสาวราศีนี้ คือเป็นคนขรึม ชอบใช้ชีวิตอิสระและมีโลกส่วนตัวสูง แม้บางครั้งเจ้าอารมณ์ เอาใจยาก แต่ก็มีข้อดีคือโกรธง่าย หายเร็ว ถ้าใส่รองเท้าแบบเปลือยๆ จะช่วยเสริม ท่วงท่าลีลาการเดิน เปิดทางให้เป็นคนกว้างขวาง มีคนเมตตา คิดจะลงทุนอะไรก็ไม่ติดขัด
สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดงเข้ม น้ำเงิน ดำ

สาวราศีธนู เป็นคนช่างแต่งตัว ขี้เล่น และชอบสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต ดังนั้นจังไม่มีรองเท้าแบบไหนจะเหมาะกับสาวราศีนี้เท่ากับรองเท้าหนังสีสันชวนเตะตา ที่มาพร้อมกับลกเล่นวัสดุตกแต่งต่างๆ ไม่มว่าจะเป็นโบว์ ดอกไม้ เฟอร์ หรือผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิก ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณมีลีลาสวยสง่าทุกโอกาสแล้ว ยังเสริมส่งโชคดีทางด้านการเงินอีกด้วย
สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดง ม่วง เขียว ชมพู

คุณชอบกินเค้กแบบไหนเอ่ย ????

คุณชอบกินเค้กแบบไหนเอ่ย ????

บราวนี่เค้ก
คุณเป็นนักผจญภัย ชอบไอเดียใหม่ๆ เป็นนักต่อสู้และชอบชัยชนะ คุณเป็นคนมีอารมณ์ขัน
แต่หลายครั้งที่สร้างมุขแป้ก แม้จะมีแนวคิดแปลกๆ ไปบ้าง แต่ก็คุณก็เป็นคนจงรักภักดีไม่แพ้
ใคร


เค้กสตรอเบอรี่
คุณเป็นคนน่ารัก อบอุ่น และโรแมนติก คุณช่างเอาอกเอาใจและห่วงใยคนอื่น แต่ใจอ่อน
ง่ายๆ บางครั้งก็ใช้อารมณ์มากเกินไป คนส่วนใหญ่มักมองว่าคุณขี้หึงซะด้วยสิ

เค้กช็อคโกแลต
คุณเป็นคนเซ็กซี่ สร้างสรรค์ อารมณ์ร้อนแรง และ ทะเยอทะยาน หลายคนอาจมองดูคุณ
เป็นคนเย็นชา ทว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนซ่อนความอบอุ่นไว้ภายใน คุณชอบผจญภัย คุณไม่ค่อยพอใจกับอะไรที่เรียบๆ ธรรมดา จึงชอบที่จะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

เค้กแครอท หรือ เค้กอื่นๆ ที่ทำจากผัก/ธัญพืช
คุณเป็นคนร่าเริง ชอบความสนุกสนาน ใครๆ ที่อยู่รายล้อมคุณจึงมักมีความสุข สนุกสนานไป
ด้วย คุณไม่ค่อยมีพิธีรีตรอง ไม่ต้องมากความ แถมยังใจดี เลยมีเพื่อนมาก และส่วนใหญ่เค้าก็จะรักคุณมากๆ ด้วย

เค้กไอศกรีม
คุณเป็นนักกีฬาตัวยง ไม่ว่าจะลงแข่งจริงๆ จังๆ หรือแค่เป็นแฟนกีฬาที่ติดตามดูอย่างจริงจังก็
ตาม จึงทำให้คุณค่อนข้างแอคทีฟ คุณเคารพตัวเองและยึดถือตัวเองเป็นหลัก จึงมักมีคนว่าคุณ
ออกจากเรื่องมากเอาการอยู่นะ ต้องระวังด้วย

ทายนิสัยจากของสะสม

ทายนิสัยจากของสะสม
แสตมป์

คุณเป็นคนมีจินตนาการ ชอบจัดสรรชีวิตส่วนตัว เน้นภาพลักษณ์คุณเป็นหลัก จะทำอะไรสักอย่าง คุณจะคิดถึงผล กระทบและคนรอบข้างเสมอ
จดหมาย
คุณเป็นคนขี้เหงานะ เป็นคนยั้งคิดยั้งทำ ชอบหวนคิดถึงอดีต คุณชอบความอบอุ่น ชอบอยู่ในครอบครัวใหญ่ หรือ ไม่คุณชอบอยู่กับคนมากๆ
ชุดชั้นใน
จิตใจคุณช่างแจ่มใสอะไรอย่างนี้ ดูไปเหมือนเป็นคนไม่มีความทุกข์ร้อนอะไร คุณเป็นคนร่าเริง รักความสนุก
ตุ๊กตา
คุณเป็นคนใจดี เป็นคนมีความเมตตา คุณชอบเก็บตัว เมื่อใครได้เข้ามาสัมผัสกับคุณล่ะก้อ เขาจะประทับใจในตัวคุณ เพราะคุณเป็นคนจริงใจ
หนังสือ
คุณออกจะเป็นคนกระตือรือร้น มีความอยากรู้อยากเห็น คุณเป็นคนพูดไม่เก่งแต่อย่าให้พูดออกมาเชียวนะ แต่ละคำ เหมือนคุณโยนหินลงบนศีรษะ คุณชอบสร้างความประทับใจในด้านการพูด ถึงแม้นานๆจะพูดที
เครื่องประดับ
คุณชอบเอาอกเอาใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก คุณเป็นคนละเอียดรอบคอบ คุณมีความจำเป็นเลิศ
บัตรโทรศัพท์
คุณเป็นคนกระตือรือร้น มีความคิดกว้างไกล กล้าคิดกล้าทำ เชื่อมั่นในตนเองสูง มีความเป็นผู้นำ แต่คุณจะมีนิสัย ค่อนข้างใจร้อนสักหน่อย ต้องมีใครเข้าใจคุณจริงๆจึงจะคบกันได้นาน
เหรียญต่างๆ
คุณเป็นคนมีความทะเยอทะยาน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีจิตใจมั่นคงหนักแน่น ชอบที่จะท้าทาย มีความอยากรู้อยากเห็น แต่ในส่วนลึกของคุณจะเป็นคนว้าเหว่อยู่เช่นกัน
ดินสอ
คุณเป็นคนช่างจดช่างจำ แม้แต่เรื่องที่ทุกคนลืมไปแล้ว คุณยังรื้อฟื้นได้เลย คุณชอบอยู่กับความหลัง ชอบคิดเรื่องอดีต มีความผูกพันกับเพื่อนสมัยเด็กมากกว่าจะหาเพื่อนใหม่
ผ้าเช็ดหน้า
คุณเป็นคนพิถีพิถัน เป็นคนอ่อนโยน เป็นคนมีจินตนาการ บางครั้งจะอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ คุณชอบสร้างความประทับใจ ให้กับผู้อื่นเสมอ

แล้วครีมล่ะ ทั้งตุ๊กตา ทั้งดินสอ แล้วก้อหนังสืออีก จะเป็นคนแบบไหนดี

เครื่องประดับ ทายนิสัย

เครื่องประดับ ทายนิสัย

ถ้าพูดถึงเรื่องเครื่องประดับ ต้องนีกถึงสาวๆที่ชอบรักสวยรักงาม คุณมีนิสัยอย่างไร สามารถบ่งชี้ได้จากลักษณะ เครื่องประดับ ของคุณได้ดี
ลองเลือกเครื่องประดับ ที่คุณชอบที่สุด

กิ๊บ หรือ ที่ คาดผม
คุณเป็นคนช่างฝัน มีโลกส่วนตัว มีความคิดสร้างสรรค์ และชอบแสวงหาสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอๆ นอกจากนี้ ยังชอบที่จะแสวงหาความสุขที่สมบูรณ์ คุณปรารถนาที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่น ห้อมล้อมไปด้วยญาติพี่น้อง

ตุ้มหู
คุณเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว ใจน้อย และขลาดกลัวที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ คุณเป็นคนสุภาพเรียบร้อย น่ารัก ไม่ชอบการทะเลาะ หรือใช้กำลังตบตี คุณเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นสื่อประสานรอยร้าวของบุคคลอื่น

สร้อยคอ
คุณเป็นคนชอบสิ่งลึกลับ ชอบในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ชีวิตส่วนตัวมีความสันโดษนอกจากนี้ คุณยังเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเอง ชอบพึ่งตนเองมากกว่าพึ่งคนอื่น แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

กำไล
คุณเป็นคนที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ อย่างไรก็ดี คุณก็เป็นคนที่ค่อนข้าง เอาแต่ใจตัวเองมาก คำพูดของคุณ ทำให้คนอื่นหลงใหลได้ง่ายเช่นกัน คุณเป็นคนที่จริงใจ จริงจัง กับการทำงาน ลึกๆ ชอบความเป็นผู้นำ

แหวน
คุณเป็นคนที่ชอบแสดงความเป็นความเป็นเจ้าของ เป็นของชอบเปิดเผย ชอบเดินทางท่องเที่ยว ชอบพบปะผู้คน คุณเป็นคนโกรธง่าย แต่หายเร็ว และให้ความสำคัญกับตัวเกินไปเกินไปหน่อย เลยทำให้คบกับผู้อื่นยากสักหน่อย

นาฬิกา
คุณเป็นคนที่ชอบทำอะไรตรงข้ามกับตัวเอง มีอารมณ์อ่อนไหว บ้างก็ใจเย็น บ้างก็ใจร้อน ไม่ชอบความช่วยเหลือจากใคร หากไม่จำเป็นจริงๆ คุณเป็นคนที่มีความ โรแมนติก ในด้านความรักอย่างมาก

แว่นตา
คุณเป็นคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง มักปกปิดตัวเอง คนอื่นจะมองคุณเป็นคนค่อนข้างลึกลับ มีอะไรอยู่ในใจมากมาย และคุณเป็นคนที่เข้าใจยากสักหน่อย

แบบทดสอบ: สภาพของคุณในปัจจุบัน

แบบทดสอบ: สภาพของคุณในปัจจุบัน

อย่าแอบดูเฉลยก่อน ให้ตอบไปเรื่อยๆ จนจบ คำตอบที่ได้จะบอกถึงสภาพของคุณในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร เตรียมปากกาและดินสอให้พร้อม นี่เป็นแบบทดสอบที่จัดทำโดยฝ่ายบุคคลของสนง.ในทุกวันนี้ มันช่วยให้เขาเข้าใจพนักงานของเขามากขึ้น

ทั้งหมด มีเพียง 10 คำถาม ดังนั้นก็คว้ากระดาษกับปากกามาจดคำตอบของคุณ โอปรา (พิธีกรที่ดังมากที่ USA) ได้ทำแบบทดสอบอันนี้และเธอได้ 38 คะแนน

1. เวลาช่วงไหนที่คุณจะรู้สึกดี
a) ตอนเช้า
b) ตอนบ่ายๆ หรือ เย็นๆ
c) ตอนดึกๆ

2. ปกติคุณจะมีท่าทางการเดินแบบไหน
a) เดินเร็ว ก้าวยาวๆ
b) เดินเร็ว แต่ก้าวสั้นๆ
c) เดินไม่ค่อยเร็ว มองตรงไปข้างหน้า
d) เดินไม่ค่อยเร็ว ก้มหน้า
e) เดินค่อนข้างช้า

3. เวลาคุยกับใครคุณทำท่า
a) ยืนกอดอก
b) ยืนกุมมือ
c) เท้าสะเอว 1 ข้างหรือทั้ง 2 ข้าง
d) แตะหรือผลักคนที่คุยด้วย

4. ท่านั่งสบายๆ ของคุณเป็นยังไง
a) เอาขาพับเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือนั่งพับเพียบ
b) นั่งไขว่ห้าง
c) ยืดขาตรง
d) นั่งทับขาข้างใดข้างหนึ่ง

5. เมื่อมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกถูกใจหรือขำมาก คุณแสดงออกอย่างไร
a) หัวเราะดังๆ อย่างพอใจ
b) หัวเราะ แต่ไม่ดังมาก
c) หัวเราะแบบไม่มีเสียง
d) ยิ้มแบบอายๆ

6. เมื่อไปงานเลี้ยง
a) เข้าไปอย่างเป็นที่สนใจ ทุกคนต้องรู้ว่าคุณมาแล้ว
b) เข้าไปเงียบๆมองหาคนที่รู้จัก
c) เข้าไปอย่างเงียบที่สุด พยายามไม่เป็นที่สนใจ

7. คุณทำงานอย่างหนัก ทุ่มเทมากๆ แต่ถูกขัดจังหวะ คุณ ...
a) หยุดพักเพื่อผ่อนคลาย
b) รู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว รำคาญ
c) รู้สึกก้ำกึ่ง 2 ข้อข้างบน

8. ชอบสีอะไรมากที่สุดต่อไปนี้
a) สีแดง หรือ สีส้ม
b) สีดำ
c) สีเหลือง หรือ สีฟ้า
d) สีเขียว
e) สีน้ำเงิน หรือ สีม่วง
f ) สีขาว
g) สีน้ำตาล หรือ สีเทา

9. ตอนที่คุณ อยู่บนเตียงช่วงเวลาสุดท้าย ก่อนที่คุณจะหลับ คุณนอนในลักษณะไหน
a) นอนหงายธรรมดา
b) นอนคว่ำ
c) เอียงข้าง นอนขด
d) นอนเอาหัวทับแขน
e) นอนคลุมโปง

10. คุณมักฝันว่าคุณ ...
a) กำลังหล่นหรือดิ่งลงไปเรื่อยๆ
b) กำลังต่อสู้ หรือดิ้นรน
c) กำลังค้นหาอะไรสักอย่าง หรือใครสักคน
d) กำลังบินหรือ กำลังลอยอยู่
e) คุณไม่ค่อยฝัน
f) คุณมักฝันถึงแต่สิ่งที่ดี





POINTS:
1. (a) 2 (b) 4 (c) 6
2. (a) 6 (b) 4 (c) 7 (d) 2 (e) 1
3. (a) 4 (b) 2 (c) 5 (d) 7 (e) 6
4. (a) 4 (b) 6 (c) 2 (d) 1
5. (a) 6 (b) 4 (c)3 (d) 5 (e) 2
6. (a) 6 (b) 4 (c) 2
7. (a) 6 (b) 2 (c) 4
8. (a) 6 (b) 7 (c) 5 (d) 4 (e)3 f ) 2 (g) 1
9. (a) 7 (b) 6 (c) 4 (d) 2 (e) 1
10. (a)4 (b) 2 (c) 3 (d) 5 (e) 6 (f) 1





รวมคะแนนของคุณทั้งหมด แล้วมาดูเฉลยกัน ...
คะแนน เกิน 60 คะแนน:
คนอื่นๆ มองว่า การอยู่กับคุณ เขาต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ เห็นว่าคุณเป็นที่หลงตัวเอง เห็นแก่ตัว แล้วชอบทำตัวโดดเด่นออกมา หลายคนอาจจะชื่นชมคุณ อยากเป็นเหมือนคุณ แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยเชื่อใจคุณ และลังเลใจที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับคุณมากเกินไป

คะแนน 51 ถึง 60 คะแนน:
คนอื่นๆมองว่า คุณเป็นคนที่น่าตื่นเต้น แต่อารมณ์แปรปรวน และไม่ค่อยไตร่ตรองอะไร เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ตัดสินใจเร็วแต่มันไม่ถูกเสมอไป เขาเห็นว่าคุณเป็นกล้าหาญ และท้าทาย เป็นคนที่พร้อมที่จะทดลองอะไรก็ได้ เป็นคนที่กล้าเสี่ยงคว้าเอาโอกาส และสนุกกับการผจญภัย ผู้คนมักรู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับคุณ เพราะความน่าตื่นเต้นที่คุณสื่อออกมา

คะแนน 41 ถึง 50 คะแนน:
คนอื่นๆมองว่า คุณเป็นคนร่าเริง สดใสมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ ง่าย ๆ และน่าสนใจ เป็นคนที่มักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ แต่มีความสมดุล รู้ว่าต้องทำตัวยังไง คนอื่น ๆ มองว่าคุณเป็นคนใจดี นึกถึงจิตใจคนอื่น และมีความเข้าใจ เป็นคนที่จะคอยให้กำลังใจ และช่วยเหลือเขาตลอดเวลา

คะแนน 31 ถึง 40 คะแนน:
คนอื่นๆมองว่า คุณเป็นคนอ่อนไหว ระมัดระวังรอบคอบ และง่าย ๆ ผู้คนมองว่าคุณฉลาด มีพรสวรรค์ แต่นอบน้อม ไม่ใช่คนที่จะมีเพื่อนได้ง่ายๆ แต่จะเป็น คนที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนมาก และคาดหวังว่าเพื่อนก็ต้องเป็นเช่นนั้นกับคุณ คนที่รู้จักคุณจริงๆจะรู้ว่า ... มันต้องใช้หลายอย่างมากที่จะทำให้คุณเลือกไว้ใจเพื่อนของคุณ แต่ในทางกลับกัน มันจะใช้เวลานานมากกว่าคุณจะยอมอภัยถ้าความเชื่อถือนั้นถูกทำลายลง

คะแนน 21 ถึง 30 คะแนน:
เพื่อนๆ มองว่า คุณเป็นคนที่มีความมานะบากบั่นและจุกจิก> > >มองว่าคุณค่อนข้างขี้ระแวง ระมัดระวังอย่างมาก เชื่องช้าและมีความพยายามมากๆ มันจะทำให้เขาแปลกใจถ้าพบว่า คุณทำอะไรซักอย่าง โดยขาดการยั้งคิดหรือทำไปเพราะมีแรงกระตุ้นเพียงชั่วครู่ เขาจะคาดหวังว่าคุณต้องตรวจสอบทุกอย่างในทุกแง่ทุกมุม แล้วจากนั้น ก็มักจะตัดสินใจต่อต้านมัน พวกเขาคิดว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ความขี้ระแวงโดยธรรมชาติของคุณนั่นเอง

คะแนนต่ำกว่า 21 คะแนน:
คนอื่นๆ มองว่า คุณขี้อาย ขี้กังวล และไม่กล้าตัดสินใจ เป็นคนที่ต้องการการดูแล เป็นคนที่ต้องการให้คนอื่นตัดสินใจแทน และเป็นคนที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรทั้งนั้น ผู้คนเห็นว่าคุณเป็นคนที่กังวลในปัญหาที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ บางคนคิดว่าคุณน่าเบื่อ มีแต่คนที่รู้จักคุณดีเท่านั้นจึงจะรู้ว่าคุณไม่น่าเบื่อ

เลขที่บ้านมงคล ตรงกับของคุณหรือเปล่า

เลขที่บ้านมงคล ตรงกับของคุณหรือเปล่า

หลักการทางเคหศาสตร์ของชาวจีนโบราณนั้น แนะนำไว้ว่า เลขที่ ที่เป็นมงคลและมีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด หากนำมาใช้เป็นเลขที่ของอาคารบ้านเรือน หรือสถานที่ดำเนินธุรกิจแล้ว จะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ ไหลเวียนเข้ามาตามความหมายของตัวเลข ได้แก่

เลขที่ 2, 5, 6, 8, 9 และ 10 ครับ ทั้ง 6 หมายเลขนี้เป็นตัวเลขที่ดี มีมงคล และมีความหมายที่แตกต่างกัน โดยให้ความหมายไว้ว่า
เลขที่ 2 หมายถึง การจะกระทำการสิ่งใดก็ง่ายดาย สำเร็จ ลุล่วง ไม่มีอุปสรรค ขัดขวาง
เลขที่ 5 หมายถึง ความกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธาตุทั้ง 5
เลขที่ 6 หมายถึง ความมั่งคั่ง มั่งมี ศรีสุข เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
เลขที่ 8 หมายถึง การนำมาซึ่งความร่ำรวย มั่งมี ด้วยเงินทอง ทรัพย์สมบัติ ทั้งที่เป็นมรดก ตกทอด และการทำมาค้าขาย หรือการดำเนินธุรกิจ
เลขที่ 9 หมายถึง การมีอายุยืนยาว ทั้งเจ้าของและกิจการที่แผ่กว้าง หรือ ขยายสาขา ใหญ่โต
เลขที่ 10 หมายถึง ความแน่วแน่ มั่นคง มั่นใจที่จะดำเนินการด้วยความถูกต้อง เด็ดเดี่ยว ซึ่งเป็นตัวเลขสุดท้ายที่หลักเคหศาสตร์ของชาวจีนแนะนำไว้ว่า มีความเป็นสิริมงคลต่ออาคารบ้านเรือนอันจะนำไปสู่สิ่งดีๆ ที่เข้ามาในการดำเนินชีวิต

ดังนั้น หากอาคารบ้านเรือนหรือร้านค้า ร้านอาหาร ต่างๆ หากมีเลขที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นกี่หมายเลขก็ตาม แต่เป็นทั้ง 6 หมายเลขนี้ ที่หลักการทางเคหศาสตร์แนะนำไว้ประกอบอยู่ด้วยกันแล้ว ก็จะยิ่งเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่บ้าน สมาชิกในครอบครัว และการดำเนินชีวิตได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

อ่านนิสัยจากลักษณะการดูทีวี

อ่านนิสัยจากลักษณะการดูทีวี

การดูทีวีของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป และลักษณะดังกล่าวสามารถนำมาทำนายเป็นวิชาทางโหราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ และถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทีเดียวนะ คุณล่ะเป็นแบบไหน มาดูกันเลยค่ะ

- ถ้าคุณชอบเปลี่ยนช่องบ่อย ๆ แสดงว่าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มักจะตั้งความหวังไว้ และพยายามทำให้สำเร็จเสมอ ชอบแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา รกัความก้าวหน้า มักจะใฝ่หาความรู้ใส่ตัวเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง

- ถ้าคุณเป็นคนที่วางแผนดูทีวีไว้แน่นอน แสดงว่าเป็นคนที่จัดวางระบบชีวิตไว้อย่างดี มีความสามารถในการวางแผนและดำเนินธุรกิจ มักจะประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะเป็นคนที่มีความพยายาม ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เมื่อทำอะไรผิดพลาดก็จะคิดว่าสิ่งนั้นคือบทเรียน ไม่เก็บเอามาทำให้ตนเองท้อแท้

- ถ้าคุณชอบดูทีวีอยู่ช่องเดียว หรือถ้าคุณเป็นคนที่ดูช่องไหนแล้ว ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนไปช่องอื่น แม้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยต้องการเปลี่ยนช่องบ้าง คนแบบนี้เมื่อตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ จะตั้งเป้าหมายไว้สูงเสมอ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ ไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัดขวาง

- ถ้าคุณชอบดูเกมโชว์ แสดงว่าคุณเป็นคนค่อนข้างขี้เหงา จะมีความอบอุ่นและมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้อยู่ในวงล้อมของเพื่อน ๆ และได้คบหาสมาคมกับคนอื่น ๆ เป็นคนชอบเล่นกีฬา ชอบกิจกรรมที่มีความเคลื่อนไหว มนุษยสัมพันธ์ดีและเข้าได้กับทุกคน

- ถ้าคุณชอบกินขนมจุบจิบและดูทีวีไปด้วย เวลาที่ดูทีวีคือเวลาแห่งความสุขของคนประเภทนี้ แสดงว่าคุณมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นคือสิ่งสำคัญที่ชีวิตขาดไม่ได้ มักจะใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนบ้านและเพื่อนฝูงเสมอ ชอบไงนสังสรรค์ เรียกได้ว่า ความสุขที่ยิ่งใหญ่ อยู่ที่ความสัมพันธ์ที่มีต่อสิ่งแวะล้อมนั่นเอง

- ถ้าคุณชอบดูข่าวและสารคดี แสดงว่าการตัดสินใจต่าง ๆ ในชีวิตของคุณจะเป็นคนประเภทที่มักจะหาคำตอบจากสมองมากกว่าหัวใจ เป็นคนที่ไม่เคยยอมให้อารมณ์ต่าง ๆ มาเป็นนายตนเอง ชอบเสะหาความจริง ชอบรวบรวมความรู้ต่าง ๆ ใส่สมอง เพราะทำให้ตนเองมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต

- ถ้าคุณชอบดูทีวีบนเตียงนอน คนประเภทนี้ชอบใช้การดูทีวีเป็นสิ่งคลายเครียดจากชีวิตประจำวัน เป็นคนที่สบาย ๆ ไม่เรื่องมาก บางครั้งก็ชอบทำงานบนเตียงและดูทีวีไปด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องเครียดกับงานมากนัก ชอบเดินทางท่องเที่ยวและเสาะหาข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ

- ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูทีวี คุณจะเป็นคนประเภทที่มีความสุขที่จะอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง และรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่กับครอบครัว ชอบทำตัวเองให้ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา รายการทีวีและข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ จะช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ มักจะชอบเปิดทีวีทิ้งไว้แม้ว่าจะไม่ได้ดู แค่ได้ยินเสียงก็ยังดีในระหว่างที่ทำงานต่าง ๆ ในบ้าน

- ถ้าคุณดูทีวีไปด้วย ทำกิจกรรมอื่น ๆ หลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน คนประเภทนี้เป็นคนที่ไม่รกัษาเวลา ไม่ตรงต่อเวลา มองดูเหมือนคนฉลาด บริหารเวลาเก่ง แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นคนที่บริหารเวลาไม่เป็น ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง...และ...พัฒนายาก

อ่านนิสัยจากลักษณะการดูทีวี

อ่านนิสัยจากลักษณะการดูทีวี

การดูทีวีของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป และลักษณะดังกล่าวสามารถนำมาทำนายเป็นวิชาทางโหราศาสตร์ได้อย่างแม่นยำ และถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทีเดียวนะ คุณล่ะเป็นแบบไหน มาดูกันเลยค่ะ

- ถ้าคุณชอบเปลี่ยนช่องบ่อย ๆ แสดงว่าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มักจะตั้งความหวังไว้ และพยายามทำให้สำเร็จเสมอ ชอบแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา รกัความก้าวหน้า มักจะใฝ่หาความรู้ใส่ตัวเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง

- ถ้าคุณเป็นคนที่วางแผนดูทีวีไว้แน่นอน แสดงว่าเป็นคนที่จัดวางระบบชีวิตไว้อย่างดี มีความสามารถในการวางแผนและดำเนินธุรกิจ มักจะประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะเป็นคนที่มีความพยายาม ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เมื่อทำอะไรผิดพลาดก็จะคิดว่าสิ่งนั้นคือบทเรียน ไม่เก็บเอามาทำให้ตนเองท้อแท้

- ถ้าคุณชอบดูทีวีอยู่ช่องเดียว หรือถ้าคุณเป็นคนที่ดูช่องไหนแล้ว ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนไปช่องอื่น แม้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยต้องการเปลี่ยนช่องบ้าง คนแบบนี้เมื่อตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ จะตั้งเป้าหมายไว้สูงเสมอ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ ไม่ยอมให้สิ่งใดมาขัดขวาง

- ถ้าคุณชอบดูเกมโชว์ แสดงว่าคุณเป็นคนค่อนข้างขี้เหงา จะมีความอบอุ่นและมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้อยู่ในวงล้อมของเพื่อน ๆ และได้คบหาสมาคมกับคนอื่น ๆ เป็นคนชอบเล่นกีฬา ชอบกิจกรรมที่มีความเคลื่อนไหว มนุษยสัมพันธ์ดีและเข้าได้กับทุกคน

- ถ้าคุณชอบกินขนมจุบจิบและดูทีวีไปด้วย เวลาที่ดูทีวีคือเวลาแห่งความสุขของคนประเภทนี้ แสดงว่าคุณมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นคือสิ่งสำคัญที่ชีวิตขาดไม่ได้ มักจะใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนบ้านและเพื่อนฝูงเสมอ ชอบไงนสังสรรค์ เรียกได้ว่า ความสุขที่ยิ่งใหญ่ อยู่ที่ความสัมพันธ์ที่มีต่อสิ่งแวะล้อมนั่นเอง

- ถ้าคุณชอบดูข่าวและสารคดี แสดงว่าการตัดสินใจต่าง ๆ ในชีวิตของคุณจะเป็นคนประเภทที่มักจะหาคำตอบจากสมองมากกว่าหัวใจ เป็นคนที่ไม่เคยยอมให้อารมณ์ต่าง ๆ มาเป็นนายตนเอง ชอบเสะหาความจริง ชอบรวบรวมความรู้ต่าง ๆ ใส่สมอง เพราะทำให้ตนเองมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต

- ถ้าคุณชอบดูทีวีบนเตียงนอน คนประเภทนี้ชอบใช้การดูทีวีเป็นสิ่งคลายเครียดจากชีวิตประจำวัน เป็นคนที่สบาย ๆ ไม่เรื่องมาก บางครั้งก็ชอบทำงานบนเตียงและดูทีวีไปด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องเครียดกับงานมากนัก ชอบเดินทางท่องเที่ยวและเสาะหาข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ

- ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูทีวี คุณจะเป็นคนประเภทที่มีความสุขที่จะอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง และรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่กับครอบครัว ชอบทำตัวเองให้ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา รายการทีวีและข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ จะช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ มักจะชอบเปิดทีวีทิ้งไว้แม้ว่าจะไม่ได้ดู แค่ได้ยินเสียงก็ยังดีในระหว่างที่ทำงานต่าง ๆ ในบ้าน

- ถ้าคุณดูทีวีไปด้วย ทำกิจกรรมอื่น ๆ หลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน คนประเภทนี้เป็นคนที่ไม่รกัษาเวลา ไม่ตรงต่อเวลา มองดูเหมือนคนฉลาด บริหารเวลาเก่ง แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นคนที่บริหารเวลาไม่เป็น ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง...และ...พัฒนายาก

คุณคือต้นไม้ชนิดไหน‏

คุณคือต้นไม้ชนิดไหน‏
เอามาจาก fw mail เห็นมันเข้าท่าดี ลองดูละกันนะแต่ไอ้พวกชื่อต้นไม้เราก็ต้องเปิดดิกเอาแหล่ะ ว่าแต่ละต้นมันคือต้นอะไรเพราะเท่าที่ดูมันจะไม่ใช่ต้นไม้บ้านเรา..ต้นไม้ที่เรารู้จักก็สามารถนำมาทำนายลักษณะนิสัยของคุณได้เหมือนกัน โดยดูจากวันเกิดของคุณและนำมาเทียบกับชื่อต้นไม้ของเรา คุณจะมีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไรนะ? สำหรับผู้ที่เกิดในช่วงระหว่างวันต่างๆ ดังนี้

23 Dec - 1 Jan ........................ APPLE TREE
2 - 11 Jan ........................ FIR TREE
12 - 24 Jan ........................ ELM TREE
25 Jan - 3 Feb ........................ CYPRESS TREE
4 - 8 Feb ........................ POPLAR TREE
9 - 18 Feb ........................ CEDAR TREE
19 - 29 Feb ........................ PINE TREE
1 - 10 Mar ........................ WEEPING WILLOW TREE
11 - 20 Mar ........................ LIME TREE
21 Mar ........................ OAK TREE
22 - 31 Mar ........................ HAZELNUT TREE
1 - 10 Apr ........................ ROWAN TREE
11 - 20 Apr ........................ MAPLE TREE
21 - 30 Apr ........................ WALNUT TREE
1 - 14 May ........................ POPLAR TREE
15 - 24 May ........................ CHESTNUT TREE
25 May - 3 Jun ........................ ASH TREE
4 - 13 Jun ........................ HORNBEAM TREE
14 - 23 Jun ........................ FIG TREE
24 Jun ........................ BIRCH TREE
25 Jun - 4 Jul ........................ APPLE TREE
5 - 14 Jul ........................ FIR TREE
15 - 25 Jul ........................ ELM TREE
26 Jul - 4 Aug ........................ CYPRESS TREE
5 - 13 Aug ........................ POPLAR TREE
14 - 13 Aug ........................ CEDAR TREE
24 Aug - 2 Sep ........................ PINE TREE
3 - 12 Sep ........................ WEEPING WILLOW TREE
13 - 22 Sep ........................ LIME TREE
23 Sep ........................ OLIVE TREE
24 Sep - 3 Oct ........................ HAZELNUT TREE
4 - 13 Oct ........................ ROWAN TREE
14 - 23 Oct ........................ MAPLE ! TREE
24 Oct - 11 Nov ........................ WALNUT TREE
12 - 21 Nov ........................ CHESTNUT TREE
22 Nov - 1 Dec ........................ ASH TREE
2 - 11 Dec ........................ HORNBEAM TREE
12 - 21 Dec ........................ FIG TREE
22 Dec ........................ BEECH TREE
เฉลย
APPLE TREE ก็เหมือนๆ กับต้นแอปเปิลนั่นแหละ สวยงาม เต็มไปด้วยเสน่ห์ ดึงดูด เฟิร์ทสุดๆ ชอบผจญภัย ค่อนข้างอ่อนไหว เลยตกหลุมรักอยู่บ่อยๆ ชอบรักและให้คนอื่นรัก ถ้าเป็นคนรักก็จะเป็นประเภทอบอุ่น มีเมตตา มีความสามารถพิเศษ และเต็มไปด้วยจินตนาการ
FIR TREE - The Mysterious เป็นคนที่มีรสนิยมแบบไม่ธรรมดา รักศักดิ์ศรี ชอบฝันกลางอากาศ ชอบสิ่งสวยงาม ขี้หงุดหงิดและดื้อรั้นอีกต่างหาก ออกจะเป็นคนเชื่อในตัวเองมาก จะใส่ใจกับคนที่ใกล้ตัวมากเท่านั้น ถ้าเป็นคนรักก็จะเป็นประเภทไม่เคยพอ มีคนรักและศัตรูเยอะพอกัน
ELM TREE - The Noble-Mindedness เป็นคนที่มีรูปร่างสวยงาม รสนิยมการแต่งกายดีเยี่ยม ไม่ค่อยจะให้อภัยใครซักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน ชอบเป็นผู้นำ ไม่ชอบตาม ถ้าเป็นคู่รัก จะเป็นคู่รักที่ซื่อสัตย์ เป็นคนที่มีความคิดทัศนคติที่กว้างไกล สามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้ เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน และอยู่ในโลกของความจริง
CYPRESS TREE - The Faithfulness เป็นคนที่มีความแข็งแกร่ง ปรับตัวเก่ง รับความเป็นจริงของโลกได้ มองโลกในแง่ดี และต้องการเงินที่จะพาตัวเองไปสู่ความรู้ ไม่ชอบความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เป็นคู่รักที่มีความต้องการโน่นต้องการนี่อยู่ตลอดเวลาไม่เคยพอ แต่ก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้
POPLAR TREE - The Uncertainty ดูเป็นคนที่ชอบการตกแต่ง ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง จะมีแรงกำลังใจก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องสร้างให้มีจริงๆ เป็นคนที่ต้องการความตั้งใจและตั้งมั่นเป็นอย่างมาก ชอบอยู่ในสิ่งแวด ล้อมที่สวยงาม ช่างเลือก เลยมักจะโดดเดี่ยว มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ ออกไปในทางปรัชญา เป็นคนที่ไว้ใจได้และเป็นคู่รักที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง ในเรื่องการใช้ชีวิตคู่
CEDAR TREE - The Confidence จะเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยสวย แต่รู้วิธีปรับตัว ชอบความหรูหรา สุขภาพพลานามัยดี (ข้อทดแทนที่คุ้มค่ากับความไม่สวย) ไม่ค่อยจะมีอาการอาย กระมิดกระเมี้ยน มั่นใจในตัวเอง มุ่งมั่น แต่กลับไม่ค่อยอดทน มีความสามารถพิเศษเยอะ รอคอยรักแท้ และเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้รวดเร็ว
PINE TREE - The Particularity เป็นคนที่ยอมอะไรได้ง่ายๆ แต่ก็รู้จักวิธีที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใครได้ง่ายๆ แต่กลับตกหลุมรักง่ายและเลิกง่ายด้วย (แปลกนะ?)
WEEPING WILLOW TREE - The Melancholy เป็นคนที่สวยงามแต่เต็มไปด้วยความเศร้า ดึงดูดเพศตรงข้าม มีจิตใจเมตตา ชอบทุกสิ่งที่สวยงามและมีรสนิยม ชอบการเดินทาง ช่างฝัน ซื่อสัตย์ ดูเหมือนจะโดนครอบได้ง่าย แต่กลับยากที่จะมีชีวิตร่วมกับคนอื่น เป็นคนที่มีความตั้งมั่น มักจะเจ็บปวดทรมานเพราะความรัก แต่บางครั้งก็มีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ได้ถ้าเนื้อคู่มีลักษณะความเป็นผู้นำ
LIME TREE - The Doubt เป็นคนที่ยอมรับความเป็นไปในชีวิต ไม่ค่อยชอบการต่อสู้แข่งขัน ไม่ชอบการเป็นลูกจ้าง ออกจะเป็นคนที่ขี้เกียจ บอบบาง แต่เสียสละเพื่อเพื่อนได้ มีพรสวรรค์และความสามารถเยอะแต่ไม่ดึงออกมาใช้ ชอบบ่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ขี้อิจฉา แต่ก็จงรักภักดี
HAZELNUT TREE - The Extraordinary เป็นคนที่มีเสน่ห์ เข้าอกเข้าใจคนอื่น รู้วิธีการที่จะสร้างความประทับใจ กระตือรือร้นที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคม เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น แต่ขี้หงุดหงิด เป็นคนรักที่ซื่อสัตย์ มั่นคงและเที่ยงตรงในการตัดสิน
ROWAN TREE - The Sensitivity เป็นคนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ร่าเริง มีพรสวรรค์ ไม่เป็นคนที่หลงตัวเอง แต่ชอบเรียกร้องความสนใจ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นคนที่ต้องพึ่งพาคนอื่น แต่ขณะเดียวกันก็อยากเป็นอิสระ มีรสนิยม มีความสามารถทางศิลปะ เป็นเพื่อนที่ดี แต่มักไม่ให้อภัยใครง่ายๆ
MAPLE TREE - Independence of mind เป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย เต็มไปด้วยจินตนาการ ขี้อาย เก็บตัว แต่ทะเยอทะยาน หยิ่ง ชอบมีประสบการณ์แปลกใหม่ แต่บางครั้งเป็นที่ประหม่า ซับซ้อน มีความทรงจำดีเรียนรู้อะไรได้ง่าย มีชีวิตรักที่ซับซ้อนและชอบสร้างความประทับใจ
WALNUT TREE - The Passion เป็นคนที่มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความตรงกันข้าม เป็นคนที่หลงตัวเอง ก้าวร้าว ไม่เห็นแก่ตัว มีการตอบโต้ที่คาดไม่ถึง มีความทะเยอทะยานไม่มีที่สิ้นสุด โอนอ่อนบ้างในบางครั้ง ขี้อิจฉา ไม่ค่อยอะลุ้มอล่วยอะไรง่าย เป็นจอมวางแผน อัจฉริยะ
CHESTNUT TREE - The Honesty เป็นคนที่สวยแปลกๆ (สวยแบบไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร) เป็นคนที่ไม่คิดจะสร้างจุดสนใจให้กับใคร มีความยุติธรรม เกิดมาเป็นนักการทูต เจรจาพาทีเก่าง แต่เป็นคนขี้โมโหและอ่อนไหว ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเอง หาคู่แท้ยากมาก
ASH TREE - The Ambition เป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูด มีชีวิตชีวา ทำอะไรตามอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจกับคำวิจารณ์ ทะเยอทะยาน ฉลาด เต็มไปด้วยความสามารถ เชื่อใจได้ เป็นคนรักที่ค่อนข้างระมัดระวัง ใช้สมองมากกว่าหัวใจในการจัดการกับความรัก แต่ก็ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับการใช้ชีวิตคู่
HORNBEAM TREE - The good taste เก๋ไก๋ มีเสน่ห์ มีรสนิยม ชอบความสะดวกสบายในชีวิต มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต ขณะเดียวกันอารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ ชอบฝันถึงการมีคนรักแบบประหลาด เลยไม่ค่อยจะแฮปปี้ในชีวิตคู่ ไม่ค่อยไว้ใจคนอื่น และไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง
FIG TREE - The Sensibility เป็นคนเข้มแข็ง มีความตั้งมั่น ไม่ขึ้นกับใคร ไม่ชอบให้ใครต่อต้าน เป็นคนรักครอบครัว รักเด็กและสัตว์เลี้ยง มีอารมณ์ขัน มีความสามารพิเศษและฉลาด
OAK TREE - Robust nature เป็นคนกล้าหาญ เข้าแข็ง รุนแรง ไม่ขึ้นกับใคร ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ปักหลักในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ และเป็นนักปฏิบัติ
BIRCH TREE - The Inspiration เป็นคนมีชีวิตชีวา ดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นมิตร ไม่เสแสร้ง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ชอบทำอะไรที่เกินตัว ชอบชีวิตตามธรรมชาติ รักความสงบ ไม่ค่อยมีอารมณ์รุนแรง ความทะเยอทะยานก็ไม่ค่อยมี เต็มไปด้วยจินตนาการ
OLIVE TREE - The Wiadom เป็นคนอบอุ่น มีเมตตา เป็นคนมีเหตุมีผล มีความอดทนสูง ร่าเริง รักสงบ เป็นคนยุติธรรม ขี้สงสาร ไม่ขี้อิจฉา รักการอ่าน และเป็นเพื่อนของคนที่มีบุคลิกซับซ้อน
BEECH TREE - The Creative เป็นคนมีรสนิยมดี มักจะเป็นพะวงเรื่องการแต่งกายและวัตถุนิยม มีพื้นฐานชีวิตและอาชีพที่ดี มัธยัสถ์ เป็นผู้นำที่ดี มีช่วงเวลาที่วิเศษสุขในชีวิตเสมอ และยังคงความฟิตของร่างกายตลอดเวลา

ตรงนะ สำหรับเราได้ต้น pine tree

จัดโต๊ะทำงานต้อนรับปีใหม่

จัดโต๊ะทำงานต้อนรับปีใหม่
ตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีบอกว่า อย่าปล่อยให้โต๊ะทำงานรกรุงรัง ไม่อย่างนั้นชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่า เวลาคุณหาเอกสารสำคัญไม่เจอ ข้อมูลที่ต้องการดันรวมอยู่ในกองเอกสารสูงท่วมหัว แบบนี้ชีวิตการทำงานจะราบรื่นได้อย่างไร

ถือฤกษ์เดือนแรกของปีนี้ จัดระเบียบชีวิตการทำงานสักหน่อย ชีวิตคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ

เอกสารบนโต๊ะ
สะสางข้อมูลที่ใช้แล้ว สถิติหรือตัวเลขที่ล้าสมัยไม่อัพเดทลงถัง และจัดพื้นที่ให้พร้อมสำหรับงานใหม่ได้แล้ว

นามบัตรลูกค้า
นอกจากจะเรียงตามตัวอักษรแล้ว ควรแยกตามความสำคัญ หรือความถี่ในการติดต่อด้วย ลูกค้าคนไหนไม่ได้ติดต่อนานเลย 1 ปี ควรลดลำดับความสำคัญลง หรือจะแยกกล่องนามบัตรเป็น 2 กล่องแบบใช้บ่อยกับนานๆ ครั้งก็ได้

เบอร์โทรศัพท์ในมือถือ
เบอร์ที่ไม่ได้โทรหามานาน หรือเพื่อนห่างๆ แนะนำว่าย้ายลงไปจดในสมุดดีกว่า บางครั้งการเก็บอะไรมากเกินไปก็เป็นอุปสรรคเวลาเอามาใช้งาน

เปลี่ยนรูปข้างโต๊ะ
สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ด้วยรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อตอนที่เที่ยวปีใหม่มาติดไว้ก็ไม่เลวนะโน้ตติดบอร์ด จดเฉพาะสิ่งที่สำคัญลงสมุดโน้ตไว้ และโละของเก่าออกให้เกลี้ยง รอรับสำหรับงานใหม่เท่านั้น

ความจริง 25 ข้อ ที่รู้แล้วอึ้ง !!!

ความจริง 25 ข้อ ที่รู้แล้วอึ้ง !!!
1.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคนเราคือ ลิ้น ก็ เอาไว้ฟาดฟันตอนประกบ ปากกันไง

2.ผู้หญิงกระพริบตาบ่อยกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และ มากกว่าถึงสามสิบครั้ง เมื่อพวกเธออยู่สระว่ายน้ำ 3.ชื่อโหลที่สุดหาใช่ “จอห์น” หรือ “ฃาร่าห์” ไม่ แต่เป็น ”โมฮัมเหม็ด” ต่างหาก
4.คนเราไม่สามารถที่จะเลียข้อศอกของตัวเองได้
5.แมลงสาบหัวขาด สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได่ถึง 9 วัน ก่อนที่มันจะอดอาหาร จนตาย
6.เวลาปลาหมึกยักษ์ หิวจัดเอามาก ๆ มันจะกินหนวดของมันเอง และ รู้มั้ยว่า มันยังเป็นสัตว์ที่มีลูกตา ใหญ่ที่สุดในโลก
7.แมงมุมแม่หม้ายดำฃึ่งกลืนกินคู่ขาหลังจากการสมสู่ ยังสามารถหม่ำแมงมุม ตัวผู้ได้ถึงวันละ 25 ตัวอีกด้วยร้ายกาจมากกกกก!
8.เตียงนอนในบ้านโดยทั่วไปแล้ว จะมีตัวเล็นและตัวไรฃ่อนอยู่ถึง 6 พันล้านตัว
9.ผึ้งจะทำกายบริหารก่อนจะบิน
10.การ์ตูนโดนัลด์ดั้กเคยถูกประกาศห้ามเผยแพร่ในฟินแลนด์ เพียงเพราะว่ามัน ไม่สวมกางเกง ฮ่า ฮ่า
11.โดยถัวเฉลี่ย มนุษย์จะกินแมงมุมเข้าไป 8 ตัวตลอดชั่วชีวิตหนึ่ง ก็เวลา ที่มันคลานเข้าไป ในปากตอนเราหลับปุ๋ยไง อึ๊ยยย! และรู้มั๊ยว่า คนส่วนใหญ่ นะกลัวแมงมุม มากกว่ากลัวตายฃักอีก
12.ถ้าคุณลากเส้นชอล์กผ่านฃวางทางเดินของมด มันจะไม่ยอมเดินผ่านข้ามไป
13.ในแต่ละวันผู้หญิงจะฉอเลาะมากถึง 7.000 คำต่อวัน ขณะที่ผู้ขายปริปากแค่ 2.000 คำต่อวันเอง
14.คุณรู้หรือเปล่าว่า ไม่ว่าแผ่นกระดาษจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน คุณไม่สามารถ พับครึ่งได้ถึง 6 ทบ ไม่เชื่อลองดูฃิ
15.ครั้งหนึ่งชาวเบลเยี่ยมเคยพยายามใช้แมวเหมียวเป็นตัวส่งจดหมาย ไม่จำเป็น ต้องบอกเลย ว่า ไม่มีทางสำเร็จผล
16.คุณรู้ไหมว่าโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงจะกลืนกินลิพสติกลงท้องไปถึง 4 ปอนด์ ในตลอดชีวิตของเจ้าหล่อน
17.ตลอดทั้งชีวิตแล้ว คนทั่วไปจะใช้เวลาจูจุ๊บกันรวมแล้วเกือบสองอาทิตย์ เชียวนะ
18.เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ จามทั้งๆ ดวงตายังเปิด
19.เห็นชัดได้ว่า ลูกตาของคนเราคงขนาดเดิมมาตั้งแต่เกิด แต่จมูกกับหูนั้น ไม่เคยหยุด การเจริญเติบโตเลย!
20.วอลท์ดิสนี่ย์ผู้สร้างสรรค์ตำนานการ์ตูนมิคกี่ย์เม้าส์นะ อันที่จริงแล้วเค้า เป็นคนกลัวหนูจะตายไป
21.เอาหัวโขกกับกำแพงซักหนึ่งชั่วโมง ช่วยเผาผลาญหลังงานได้ถึง150 แคลอรี่ย์ 22. อัลมอลล์เป็นพืชตระกูลหนึ่งของพีช
23. โฆษณานาฬิกาทุกชิ้น .มักให้เข็มนาฬิกาหยุดอยู่ที่ 10:10 เพราะจะได้ดู เป็นรูปใบ หน้ายิ้ม
24.ลายเสือเกิดขึ้นจากหนังของมัน ไม่ใช่จากขน
25. ร้อยละ 80 ของคนที่อ่านบทความนี้พยายามจะเลียข้อศอกตัวเอง!!

เตือนผู้ชื่นชอบรสชาติช็อกโกแลต อาจไม่มีประ โยชน์ต่อสุขภาพเสมอไป

เตือนผู้ชื่นชอบรสชาติช็อกโกแลต อาจไม่มีประ โยชน์ต่อสุขภาพเสมอไป
สำหรับคนที่ชื่นชอบช็อกโกแลตและมีข้อยกเว้นให้แก่ตัวเองในช่วงคริสต์มาสนี้ อาจต้องคิดใหม่ว่ามันจะดีกับตัวเองจริงหรือไม่ เนื่องจากวารสารการแพทย์ในอังกฤษสงสัยว่า เรื่องการอ้างผลประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นอาจเป็นการทำให้เข้าใจผิดมากกว่าวารสารการแพทย์ชั้นนำกล่าวว่า การที่อ้างผลทางสุขภาพเกี่ยวกับช็อกโกแลตทั่วไปอาจจะทำให้ เกิดความเข้าใจผิดได้ ช็อกโกแลตโดยทั่วไปนั้น อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอลตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารเคมีในพืชที่เชื่อกันว่าช่วยปกป้องหัวใจ แต่บท บรรณาธิการของวารสาร “แลนเซต” ชี้ว่า การที่ ผู้ผลิตหลายรายนำเอาสารฟลาโวนอลออกไปเพราะรสขมของมันนั้น ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีแต่ เพียงไขมันกับน้ำตาลเท่านั้น ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นเป็นอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือดการศึกษาก่อนหน้านี้แสดงว่า ช็อกโกแลตเปล่าสามารถป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิตให้ต่ำลงและช่วยไม่
ให้เหนื่อยง่าย แต่บทบรรณาธิการนี้ระบุว่า ช็อกโกแลตสีเข้มกลายเป็นเรื่องหลอกลวงเมื่อผู้ผลิตนำเอาสารฟลาโวนอลที่มีรสขมออกไป แม้มันจะดูเป็นช็อกโกแลตสีน้ำตาลเข้ม แต่ก็มิได้มีสารฟลาโวนอลอยู่เลย และผู้บริโภคก็ไม่ทราบข้อมูลนี้ เนื่องจากผู้ผลิตมิได้ติดฉลากไว้ ดังนั้น “ปีศาจในช็อกโกแลตสีน้ำตาลเข้มจึงมีแต่ไขมัน น้ำตาล และแคลอรีเท่านั้น”ในช่วงวันหยุดยาวอย่างนี้หากต้องการจะกินช็อกโกแลตก็ควรจะกินกับขนมอื่นๆ เพื่อปรับแคลอรีให้สมดุลและอย่าลืมถือเครื่องคิดเลขคำนวณแคลอรีที่กินเข้าไปด้วย.

ข่าวร้ายอ่ะ

ปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย

ปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย
ปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย มนุษย์และสัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ “ตาย”หมายถึงสภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีกวิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้วทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปสุคติหรือลงสู่นรกภูมิ
สภาพของศพตอนตายใหม่ๆ บ่งบอกอะไรบางอย่าง
ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติร่างกายอ่อนนิ่มสีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ
ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว
ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัวเพราะความตกใจบางคนจะกรีดร้องเสียคล้ายสัตว์คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์
จะไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดใด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก
ชนิดสังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตา จะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปากเป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทางเมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท
ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตายดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)
หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตายหูจะชันขึ้นจะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย
จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารีการพนันชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯจะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมากวิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ
ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์พูดกล่าวร้ายป้ายสีด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตายปากจะอ้าค้างอยู่ตลอดจะเกิดเป็นสัตว์น้ำไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก
เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน? ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรกจะวนเวียนอยู่บริเวณนั้นพอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่านแต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์หรือเรียกว่า“อนันตริยกรรม”อนันตริยกรรมมีอยู่ 5 อย่าง คือ
ฆ่าพ่อ
ฆ่าแม่
ฆ่าพระอรหันต์
ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก
ทำร้ายพระพุทธเจ้าห้อเลือด
ปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย หลังจากที่คนเราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้วเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย จน 7 วันให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดีในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังงวนอยู่กับงานศพ ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่างชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพังเท่านั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น
เจ็ดวันรอบแรก วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า เจ็ดวันรอบแรก วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่าซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทางเมื่อวิญญาณบาปไปถึงก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไปฝูงหมาป่าเห็นดังนั้นก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัวกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนาส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวะ ทูตคอยพิทักษ์คุ้มครองพวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉยไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สอง เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ็ดวันรอบที่ สอง เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผีเจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาปก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานีและยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้นส่วนวิญญาณ ประกอบกรรมดีเมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ สาม เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก เจ็ดวันรอบที่ สาม เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลกถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรมยามมีชีวิตทำชั่วอะไรภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติเสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิดตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดีเมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับมีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆและพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ทำบาปกำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด
เจ็ดวันรอบที่ สี่ เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง เจ็ดวันรอบที่ สี่ เมื่อมาถึงด่านภูเขากระดาษเงินกระดาษทองการจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมากกระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ทับถมกัน จนเป็นภูเขาเลากาซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์
เจ็ดวันรอบที่ ห้า วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม เจ็ดวันรอบที่ ห้า วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลานคนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตนถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีกได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์
เจ็ดวันรอบที่ หก เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิตหลังจากหักลบกันแล้วถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให้ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญจะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา
เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ เจ็ดวันรอบที่ เจ็ดเมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่าผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ถ้าได้ถือศีลกินเจละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว
นรก-สวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งลวงโลก ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้นเร่งสะสมความดีกันให้มากๆนรก-สวรรค์นั้นไม่ใช่สิ่งลวงโลกตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็นแต่สักวันท่านก็ต้องเห็นกฎแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริงขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

ทำนายเลือดกรุ๊ป B

ทำนายเลือดกรุ๊ป B


คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่พูดคุยในหมู่เพื่อนๆ


คุณเป็นคนมีเอกลักษณ์ในการพูด มีความสามารถพิเศษในการเจรจาพูดคุย เวลาพูดชอบออกท่าทางประกอบไปด้วย ทำให้เพื่อนๆ เข้าใจและคล้อยตามไปด้วยดึงดูดความสนใจผู้คนได้ดี คุณเป็นคนอย่างไรในยามที่ทะเลาะกับชาวบ้าน คุณเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เวลาโกรธหรือไม่พอใจให้ใคร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ คุณมีความสามารถเฉพาะตัว ไม่เห็นแก่หน้าใคร สามารถด่าได้ทุกคำทุกภาษาที่มีในโลกนี้ ใครที่ทะเลาะกับคุณถือว่าซวยมากๆ ต้องรีบไปทำบุญถวายสังฆทานเจ็ดวัดเจ็ดวาเพื่อสะเดาะเคราะห์

เรื่องราวความรักของคุณ

คุณเป็นคนที่ใจร้อนในเรื่องของความรัก หากสนใจใครแล้วมักจะไม่รอช้าคิดหาวิธีในการเชื่อมความสัมพันธ์กับคนนั้นอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งการใจร้อนเกินไปไม่เกิดผลดีกับคุณเลย เป็นอย่างไรเมื่อเวลาโศกเศร้า เจ็บปวดใจ สาเหตุที่ทำให้คุณต้องเสียใจ ส่วนมากจะมาจากความใจร้อนหรืออารมณ์ร้อนของคุณเอง คุณเป็นคนคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ คุณคิดได้ในขณะที่คนอื่นยังคิดไม่ทันในเรื่องเดียวกัน เป็นคนหัวเร็ว ตัดสินใจรวดเร็ว จนบางครั้งการตัดสินใจด่วนของคุณอาจทำให้คุณเสียใจ ความขยันเรื่องการเรียนการศึกษาของคุณ คุณเป็นคนคิดใหม่ทำใหม่อยู่เรื่อยๆ มักเปลี่ยนใจได้รวดเร็ว ความขยันมักขึ้นกับอารมณ์ของคุณเพราะคุณมักมีนิสัยที่เปลี่ยนใจง่ายดังนั้นผลการสอบที่ออกมามักขึ้นกับอารมณ์ของคุณตอนช่วงที่ดูตำราก่อนสอบเสมอ กลยุทธ์และวิธีปลอบใจในเวลาที่คุณเศร้า ในเวลาที่คุณเศร้า ไม่จำเป็นต้องปลอบใจอะไรมาก เพียงแค่มีคนให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจซื้อขนมหรือของกินเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณคุณหายแล้วล่ะ

ทำอย่างไรจะทำให้คุณหายโกรธ ]

วิธีที่ทำให้คุณหายโกรธนั้นไม่ยาก เพราะคุณเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว โกรธไม่นานก็ลืมหมด ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมาก ถ้าขืนไปใส่ใจมากจะยิ่งไปกันใหญ่ สรุปว่าหากคุณโกรธ ใครอยากจะทำให้คุณหายโกรธ ไม่ต้องมายุ่งกับคุณ ปล่อยไว้สักพัก คุณก็จะหายโกรธเอง หากไม่เข้าใจมาเกะกะระรานในเวลาที่คุณโกรธเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง

ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง
ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็ง มีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมี แห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัดเขาเผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไปเขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกันที่10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22,44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษ ช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชราต่างๆอย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วยคณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรด เฟรุลิกอันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรดเฟรุลิกเป็นพวกพฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้นหากท่านอ่านแล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ กรุณาส่งต่อให้กับคนที่ท่านรักต่อไป...


ข่าวดีอีกแล้ว ของโปรดๆ

100 เคล็ดลับไดเอต

100 เคล็ดลับไดเอต
1. ตั้งเป้าหมายเล็กๆไว้ก่อน เช่น จะลดให้ได้สักกิโลในเดือนนี้ อย่าตั้งเป้าไว้ยิ่งใหญ่เกินไป

2. แทนน้ำตาลในชาหรือกาแฟด้วยสารให้ความหวานสังเคราะห์แทน
3. ดื่มน้ำเย็นจัด จะทำให้ร่างกายใช้แคลอรี่มากขึ้นในการปรับอุณหภูมิน้ำให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกาย
4. บอกบริกรให้เอาตะกร้าขนมปังออกจากโต๊ะอาหารของคุณ
5. จิบชาเขียวเพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารได้ดีกว่า
6. เอามันทอดกับเพร็ทเซลเก็บไว้ให้ไกลๆมือ
7. บริโภคอาหารเช้าทุกๆวัน
8. ออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันเป็นสิ่งแรกเพราะร่างกายจะใช้พลังงานเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่า
9. ดื่มชาหรือกาแฟในช่วงพัก เพื่อให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลง
10. ออกกำลังกายเวลาอากาศหนาวเย็นจะเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีกว่านอนซุกอยู่ในที่อบอุ่น
11. หากอยากบริโภคป๊อปคอร์นให้เลือกแบบไม่ใส่เกลือและเนย
12. เอาอาหารกลางวันจากบ้านไปกินที่ออฟฟิศ ประหยัดทั้งแคลอรี่และเงินในเวลาเดียวกัน
13. ปิดทีวีเวลาบริโภคอาหารแต่ละมื้อ
14. เลือกเข้าร้านอาหารที่มีอาหารแคลอรี่ต่ำหรืออาหารปลอดไขมันบริการ
15. งดเข้าร้านอาหารแบบบุฟเฟต์หรือแบบเหมาจ่ายนอกบ้าน
16. เลือกผลิตภัณฑ์นมแบบ non-fat แทนแบบธรรมดา
17. อย่าบริโภคอาหารเวลาขับรถ
18. บริโภคของว่างมื้อเล็กๆรองท้องก่อนไปงานปาร์ตี้เสมอ
19. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ความเหนื่อยจะทำให้คุณหิวและกินมากขึ้น
20. เคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างน้อย 20 ครั้งต่อคำ ก่อนจะกลืนมันลงไปทุกครั้ง
21. ยกน้ำหนัก 20 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันกลายเป็นกล้ามเนื้อ
22. จัดโปรแกรมการออกกำลังให้เป็น 10 นาทีต่อรอบ เพื่อให้ทำมันได้ง่ายและบ่อยกว่า
23. จอดรถให้ไกลจากออฟฟิศหรือห้างเพื่อจะได้เดินออกกำลัง
24. บริโภคไฟเบอร์ให้มากขึ้นจะได้อิ่มเร็วขึ้น
25. เลือกน้ำสลัดแบบไขมันต่ำหรือปลอดไขมันจะดีที่สุด
26. จัดให้มีอาหารประเภทโปรตีนในมื้ออาหารทุกมื้อ เพราะร่างกายจะใช้เวลาย่อยโปรตีนนานกว่าคาร์โบไฮเดรต
27. หายใจลึกๆยาวๆหลายๆครั้งก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ
28. ใช้บันไดแทนลิฟต์ให้ได้มากที่สุด
29. เพิ่มการบริโภคแคลเซียมเพราะได้มีผลวิจัยอกมาว่า แคลเซียมช่วยเรื่องน้ำหนักได้ดีกว่า
30. อย่าบังคับตัวเองให้บริโภคให้หมดจานเพราะเสียดายของเหลือ
31. นางแบบ คลอเดีย ชิฟเฟอร์ มีอาหารว่างประจำคือองุ่นดำหรือน้ำมะเขือเทศ
32. บริโภคผักสดแทนผักที่ผ่านการปรุงแล้ว
33. ใส่อาหารมื้อเย็นครึ่งหนึ่งที่คิดจะกินลงในชามข้าวหมาตัวโปรดก่อนทุกครั้ง34. หากเผลอตามใจปากมากเกินไปบ้าง อย่าเอาเหตุนี้มาล้มเลิกความตั้งใจ แต่ให้รีบกลับไปที่โปรแกรมไดเอตที่เคยทำประจำวัน35. หาเพื่อ่นสนิทมาทำโปรแกรมลดน้ำหนักด้วยกัน จะได้สนุกขึ้น
36. เลือกทาสีเล็บหรือถักนิตติ้งเวลาดูทีวีแทนการหยิบขนมใส่ปาก เพื่อไม่ให้มือว่างด้วย
37. บริโภคของหวานปิดท้ายมื้ออาหารเพื่อบอกร่างกายว่า มื้อนี้สิ้นสุดลงแล้ว อย่าหาอะไรใส่ปากอีก38. แช่องุ่นไว้ในช่องแช่แข็ง เพื่อเป็นของหวานยามต้องการ
39. เวลาไปกินข้าวนอกบ้าน ห้ามเข้าร้านพิซซ่าหรือภัตตาคารอาหารจีนเด็ดขาด
40. บริโภคผลไม้เช่นแตงโม ซึ่งอุดมด้วยน้ำ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำและผลไม้นี้ยังมีแคลอรี่ต่ำอีกด้วย41. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
42. จดรายการของทุกชนิดที่บริโภคในแต่ละวันอย่างถี่ถ้วน และดูว่ามีอะไรเกินจำเป็น
43. สั่งน้ำแร่หรือโซดาเปล่าๆเพื่อตัดแอลกอฮอล์และแคลอรี่ที่จะรับลงไปครึ่งหนึ่ง
44. เคี้ยวหมากฝรั่งปลอดน้ำตาลเพื่อไม่ให้บริโภคของว่างพร่ำเพรื่อเกินไป
45. ปรับปรุงรายการอาหารประจำวัน ลดน้ำตาลและไขมันลงให้มากที่สุด
46. พยายามบริโภคอาหารโดยใส่จาน อย่าหยิบกินจากถุงหรือบรรจุภัณฑ์โดยตรง วิธีนี้จะทำให้คุณลดพฤติกรรมบริโภคพร่ำเพรื่อลงได้
47. เติมพริกหรือพริกไทยลงในอาหรเพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารของคุณ
48. อย่าบริโภคอาหารในช่วงเวลา 3 ชม. ก่อนเข้านอนเป็นอันขาด
49. เลือกออมเล็ตไข่ขาวล้วนเพื่อให้ร่างกายได้รับแคลอรี่น้อยกว่า
50. เปิดเพลงเต้นออกกำลังในช่วงเบรกระหว่างวัน
51. เพื่อจะลดน้ำหนักในช่วงแรกให้ได้ผล ให้บริโภคเฉพาะโปรตีนและผักติดต่อกันสัก 2-3 วัน
52. ดาราสาว ซัลม่า ฮาเย็ก จะนำอาหารส่วนตัวไปบริโภคเองทุกครั้ง เพื่อเลี่ยงปัญหาบริโภคมากเกินไปจากความเหนื่อยในการทำงาน
53. ความเหนื่อยทำให้คุณอ้วนขึ้นจากการบริโภคมากขึ้น ควรหาเวลาพักผ่อนให้พอhttp://www.horapa.com
54. บริโภคอาหารทุกๆ 3 ชม. เพื่อให้ระบบการเผาผลาญอาหารทำงานได้ดีที่สุด
55. เช่าหนังตลกมาดูบ่อยๆ เพราะการหัวเราะเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีที่สุด
56. แทนที่จะนัดเพื่อนออกไปกินข้าวเย็นนอกบ้าน ให้นัดกันไปเดินออกกำลังแทน
57. อย่าชั่งน้ำหนักตัวบ่อยเกินสัปดาห์ละครั้ง
58. อบหรือนึ่งอาหารที่จะบริโภคแทนการทอดให้ได้มากที่สุด
59. อย่าหวังว่าจะลดน้ำหนักได้ในชั่วข้ามคืน เพราะการลดน้ำหนักลงถาวร ต้องใช้เวลาสักระยะ
60. เติมถั่วลงในมื้ออาหารให้มากขึ้น พืชนี้อุดมด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ ทั้งยังมีไขมันต่ำด้วย
61. ลองบริโภคมื้อเย็นโดยไม่สวมชุดใดๆที่หน้ากระจกบานใหญ่ๆดู รับรองว่าจะกินได้น้อยลง
62. ทำสลัดผักชามใหญ่ๆบริโภควันละมื้อทุกวัน
63. แขม่วท้องทุกครั้งเมื่อนั่งบนเก้าอี้จะช่วยให้หน้าท้องเรียบตึง
64. อย่าตัดไขมันออกโดยสิ้นเชิงในการบริโภค
65. อนุญาตให้ตัวเองบริโภคอาหารที่ชอบสัปดาห์ละครั้ง จากนั้นกลับไปที่โปรแกรมไดเอตของคุณ
66. ดื่มน้ำที่มีมะนาวฝานอยู่ด้วย 1 ซีก และห้ามเติมน้ำตาลเป็นอันขาด
67. ติดรูปของดาราที่มีรูปร่างที่คุณฝันถึงไว้หน้าตู้เย็น
68. เข้าสปาหรือทำซาวน่าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดเซลลูไลต์ลงให้ได้
69. ให้รางวัลกับตัวเอง เช่น ไปดูหนังสนุกๆหรือซื้อชุดสวยๆตัวใหม่ เมื่อสามารถบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักที่ตั้งไว้ในแต่ละครั้ง
70. ใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเต้นแอโรบิกทุกๆวัน
71. เวลาไปซื้ออาหารเข้าบ้าน พยายามเข้าร้านแบบเฮลธ์ช็อป ซึ่งที่นั่นจะมีของเหมาะกับสุขภาพให้เลือกบริโภคมากที่สุด เช่น โครงการหลวงดอยตุง
72. เอาขวดเกลือไปวางไว้ไกลๆหรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นขวดเครื่องเทศป่นแทน
73. วัดรอบเอวก่อนที่จะไดเอตไว้ก่อนเพื่อให้รู้ผลความสำเร็จของคุณ
74. อยากหยิบช็อคโกแลตเข้าปากงั้นหรือ ขอเปลี่ยนเป็นพุดดิ้งปลอดไขมันหรือช็อคโกแลตร้อนไม่ใส่น้ำตาลแทนจะดีกว่า
75. บริโภคผักเป็นอย่างแรกก่อนอาหารชนิดอื่นๆบนโต๊ะทุกครั้ง
76. จัดกิจกรรมสุดสัปดาห์ให้ดีๆว่าควรจะมีอะไรให้ทำมากกว่าการนั่งกินอาหารมื้อใหญ่ๆบนโต๊ะ
77. เติมรสต่างๆลงในมื้ออาหารแบบไขมันต่ำของคุณ เช่น เครื่งอเทศ น้ำส้มไซเดอร์หรือกระเทียม
78. ลองเป็นนักมังสวิรัติ เหมือนที่กวินเนต พัลโทรว์ทำ จะได้มีรูปร่างสวยๆแบบเธอบ้าง
79. วางแผนการบริโภคไว้ล่วงหน้าทุกมื้อ
80. เติมเมล็ดงาคั่วลงในมื้ออาหารเพื่อให้ร่างกายได้ไขมันที่มีคุณภาพ
81. เลือกขนมปังโฮลแกรนที่อุดมด้วยธัญพืชแทนขนมปังขัดขาวทุกชนิด
82. ควรเลือกบริโภคเฉพาะเนื้อเซอร์ลอยด์ที่ปลอดไขมันเท่านั้น
83. บรรดานางแบบจะเผยเคล็ดลับว่า จะบริโภคแต่โปรตีนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เมื่อต้องการดูผอมเพรียวลง
84. ดื่มน้ำแก้วใหญ่ๆ ก่อนที่จะบริโภคของว่าง บางทีคุณอาจจะแค่กระหายน้ำ ไมได้ต้องการจะบริโภคอาหารก็ได้
85. บริโภคของว่างหลังจากการออกกำลังกาย เพื่อเติมพลังให้กล้ามเนื้อ
86. ปั่นจักรยานออกกำลังไปด้วยขณะที่ดูโทรทัศน์อยู่
87. เลือกบริโภคถั่วอบแห้งไม่ใส่เกลือหรือผลไม้อบแห้งแบบหวานธรรมชาติเป็นของว่างเพื่อให้อิ่มได้นานขึ้น
88. ใช้จานเล็กๆหรือถ้วยเล็กๆตักอาหารเพื่อหลอกตาตัวเองเมื่อมันเต็มแล้ว
89. เมื่อรู้สึกทรมานจากการหิวของว่างมื้อบ่าย ให้ลองลุกขึ้นออกไปเดินเล่นแทนการหาของกินใส่ปาก
90. ให้ยืนขึ้นทุกครั้งที่คุณรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทที่ต้องคุยกันนานๆ
91. เลือกบริโภคอาหารออร์แกนิกส์จะช่วยลดน้ำหนักลงได้ จากคำบอกของคริสตีนา อากีเลร่า
92. ลองเป็นสมาชิกชมรมไดเอตสักแห่งเพื่อควบคุมความตั้งใจของคุณให้เป็นรูปธรรมและมีเพื่อนไดเอตด้วยกัน
93. ทำแซนด์วิชไปกินเอง ใส่ผักกาด โปรตีนไขมันต่ำและผักต่างๆให้มากที่สุด
94. เคี้ยวอาหารให้ช้าลง แล้วคุณจะกินได้น้อยลงด้วย
95. บอกตัวเองบ่อยๆว่า ไม่มีอะไรดีเท่ารู้สึกว่าตัวเองผอมลงได้หรอก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ
96. ให้บริโภคหนักในช่วงกลางวันไม่ใช่ช่วงเย็น
97. ออกกำลังด้วยการวิ่งทุกๆวันจะดีที่สุด เป็นคำแนะนำจาก ดรูว์ แบร์รี่มอร์ที่บอกว่า เธอสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 20 ปอนด์จากวิธีนี้
98. ตั้งงบประมาณเกี่ยวกับการบริโภคต่อเดือน และทำตามนั้นให้ได้มากที่สุด ผันงบประมาณอาหารที่เคยซื้อไปเป็นเสื้อผ้าสวยๆหรือเครื่องสำอางที่อยากได้มานาน
99. ลืมไปเลยว่ามีเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมอยู่ในโลก และดื่มชาสมุนไพรต่างๆแทน
100. การกระโดดเชือกช่วยเผาผลาญแคลอรี่และลดน้ำหนักได้ดีอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นอุปกรณ์กีฬาที่พกสะดวกด้วย

แร่ธาตุช่วยลดน้ำหนักได้

แร่ธาตุช่วยลดน้ำหนัก
เตรียมชุดสวยเอาไว้จะใส่ออกงานอีกไม่กี่วันลองเอาสวมอีกที ว้าย! ทำไมมันคับแบบนี้ แล้วจะลดน้ำหนักทันมั้ยเนี่ย...จุจุ อย่าเพิ่งเตลิดไป ตาโตขอบอกได้เลยว่าทันเจ้าค่ะ ง่ายๆ แค่หาแมงกานีส มากิน งง เลยล่ะสิเจ้าแมงกานีสที่ว่าก็คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันและกลูโคสในเลือด ทั้งยังช่วยให้ไทรอยด์ทำงานอย่างเหมาะสมอีกด้วย ส่วนสาวๆคนไหนที่กำลังมองหาอยู่ก็หากินได้อย่าง จมูกข้าวสาลี ชา ถั่ว สับปะรด ผักใบเขียว คุณประโยชน์มากล้นขนาดนี้ เห็นทีออกงานมีตะลึงไปตามๆ กัน

10 สัญญาณที่บอกว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม

10 สัญญาณที่บอกว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม
10 สัญญาณที่บอกว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสม สวัสดีค่ะหนุ่มๆสาวๆทั้งหลาย พอดีได้อ่านนิตยสารใกล้หมอของคุณแม่ เห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับพี่ๆเพื่อนๆห้องสวนลุม เลยเอามาฝากค่ะ ยาวหน่อยนะ ร่างกาย...เป็นสิ่งที่หลายๆคนหลงลืมที่จะดูแลนะคะ บางคนได้ดูแลร่างกายกันจริงจังก็ตอนที่เขาประท้วงด้วยอาการเจ็บป่วย ได้พักฟื้นก็ตอนที่เข้าโรงพยาบาล แหม....จะเป็นอย่างนี้บ่อยๆก็คงไม่ไหวแน่ๆเชียวค่ะ เพราะร่างกายก็จะเสื่อมถอยลงทุกวัน ลองสังเกตตัวเองแบบง่ายๆไหมคะว่าร่างกายจะบอกอะไรแก่เรา ก่อนที่เขาจะประท้วงครั้งใหญ่...คุณก็สามารถดูแลตัวเองง่ายๆได้ด้วยค่ะต่อไปนี้คือ

สัญญาณ 10 ประการที่ร่างกายกำลังเตือนคุณว่าคุณกินอาหารไม่เหมาะสมอยู่ค่ะ
1.ผมไม่เงางามถ้าถึงขนาดที่คุณจัดทรงไม่ได้เลยต้องถือว่ารุนแรงแล้วค่ะ
ทั้งนี้เป็นผลจากการขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก จะเห็นชัดเจนในกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติหรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ลองกินอาหารให้มีส่วนผสมของธาตุอาหารอย่างเหมาะสม เน้นอาหารที่มีกากใย พร้อมไปกับการออกกำลังกาย สำหรับคนที่เป็นมังสวิรัติต้องได้สารอาหารจากพืชผัก ข้าวและถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนจากโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไปและเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอกและผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขกและถั่วเหลือง ซึ่งดุดมไปด้วยไบโอติน สำหรับคนที่จำกัดอาหาร แม้ว่าจะอยากผอมแค่ไหนก็ไม่ควรอดอาหารจนเกินไปค่ะ ลองใช้วิธีฉลาดๆจำกัดอาหารแต่พอเพียง เพิ่มการออกกำลังกายอีกหน่อย
2.ผิวหนังส่ออาการคุณเริ่มมีอาการคันที่ผิวหนัง หรือลอกเป็นขุย
แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาวบ้างไหมคะ อาการอย่างนี้อาจเป็นลักษณะของการขาดวิตามิน A ซึ่งผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้มหรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ แต่ไม่แนะนำให้กินวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับวิตามิน A โดยตรงมากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ค่ะ
3.ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ
อาการอย่างนี้อย่าเพิ่งไปโทษโรงข้ออักเสบ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าคุณกินปลาน้อยเกินไป กระไขมันประเภทโอเมก้า-3 ที่พบมากในปลา อย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหวเลียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ
4.ผายลมบ่อย
เป็นเรื่องจริงที่ไฟเบอร์มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้ากินมากเกินไปหรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่วหรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณก็จะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ
5.ท้องผูก
เป็นอีกอาการหนึ่งที่บอกถึงการรับประมาณอาหารอย่างไม่เหมาะสม คุณต้องได้สารอาหารพวกไฟเบอร์หรือกาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่างๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วยวิธีแก้ปัญหานี้ง่ายๆ คือ ค่อยๆเพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้าๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม
6.หัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน แต่คงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าอยู่ๆคุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติหรือเต้นๆหยุดๆโดนไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวดหรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่คุณก็ยังรู้สึกว่ามีอาการหัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะขาดสารอาหารพวกแมกนีเซียม หรือ โปแตสเซียมสำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู สำหรับแมกนีเซียมให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทองและผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ
7.ขี้ลืม
อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B6 B12 และ B9(โฟเลต)สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่า จากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมองถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B6 และโฟเลตมากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล
8.Sperm น้อยลงไปมาก
ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาเรื่องระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จากการศึกษาพบว่าวิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์มด้วย Earl Dawson, Ph.D., ที่ University of Texas Medical Branch ที่ Galveston แนะนำว่าให้ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆด้าน
9.ปวดเหงือก
ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มีอันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าของทุกวัน
10.กระดูกแตก
ถ้าคุณกระดูกแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมากจากการขาดวิตามิน D และแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบที่สำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือนๆผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นมและเนยแข็ง ( ไขมันต่ำได้ก็ดี )ลองสังเกตร่างกายตัวเองบ่อยๆนะคะ เพราะอย่างไรเสีย หากเราดูแลตัวเองได้ดีก็ไม่ต้องถึงมือคุณหมอให้ยุ่งยากเปล่าๆ ไหนจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาด้วย ไม่คุ้มกันแน่ๆ จริงไหมคะ

งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี

งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี
ปัจจุบันมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด และมีการคาดคะเนว่าในอีก 13 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17 จากสถิติดังกล่าว ยืนยันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าสังคมไทยจะกลายเป็นผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้สูงอายุเป็น "ผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ"

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ โดยคณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุจึงจัดเสวนาเรื่อง "เวทีแลกเปลี่ยนความคิด ใช้ชีวิตเมื่อสูงวัย" ที่สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ศ.นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย ได้เผยเคล็ดลับสุขภาพดีที่ปฏิบัติมานับสิบปีจนตอนนี้อายุ 74 ปีว่า ยึดทางสายกลาง ไม่จำเป็นต้องมีสุขภาพดีเลิศ แค่ดูแลร่างกายให้ไม่เจ็บป่วยก็พอ ด้วยการไม่รับประทานอาหารเย็น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยออกกำลังกายเบาๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุด 30 นาที เพียงแค่นี้จะช่วยลดประมาณน้ำตาลในเลือดและไขมันทุกชนิดได้"ร่างกายคนเรารับประทานอาหารแค่ 2 มื้อ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คือเช้ากับเที่ยงก็พอ เพราะกินมากกว่านั้นมันเกินความต้องการของร่ายกาย ซึ่งตลอด 40 ปีที่ผมไม่กินข้าวเย็นจนถึงตอนนี้สุขภาพยังคงแข็งแรงดี ทำอะไรได้ทุกอย่าง ทั้งทำงาน ออกกำลังกาย ผมเดินวันละ 3-5 กิโลเมตร เล่นเทนนิสได้ การไม่กินอาหารเย็นเป็นการฝึกฝนให้เราชนะใจตัวเอง รู้จักพอเพียงกับชีวิต และตัดกิเลสได้" ศ.นพ.เสกแนะนำวิธีฝึกตนให้งดอาหารเย็นง่ายๆ จากประสบการณ์ของตนเองว่า ค่อยๆ ลดปริมาณอาหาร ส่วนตอนค่ำถ้าหิวก็ดื่มน้ำ ฝึกอย่างนี้ประมาณ 2 ปีจนกระเพาะชิน หลังจากนั้นก็ทำได้โดยไม่ต้องฝืน แต่ถ้าทำไม่ได้ อีกวิธีคือรับประทานเม็ดแมงลักเป็นอาหารเย็น โดยนำเม็ดแมงลักมาทำความสะอาด แล้วนำไปอบในเตาอบความร้อน 120 องศา เวลา 20 นาที จากนั้นตักเม็ดแมงลัก 2-3 ช้อนโต๊ะใส่ลงให้น้ำแกงจืด แล้วรับประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลกับผู้ที่อยากลดน้ำหนักด้วย ในระยะเวลา 1 เดือนน้ำหนักจะลดลงประมาณ 3-4 กิโลกรัม แต่ถ้าใครไม่ชอบเม็ดแมงลัก สามารถรับประทานแก้วมังกรแทนได้ ส่วนผู้สูงอายุที่งดอาหารเย็นไม่ได้ เพราะมีโรคประจำตัวต้องกินยาหลังอาหาร ให้รับประทานอาหารมังสวิรัติแทน ส่วน ผศ.ดร.วิรชฎา บัวศรี คณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุ ได้แนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนสูงวัยว่า ต้องเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ควรดูแลด้วยการตรวจเช็คสภาพร่างกายอยู่เสมอ ด้านการเงินควรเตรียมพร้อมออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ประมาณ 30 ปีขึ้นไป ด้านที่อยู่อาศัย เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปี ควรวางแผนว่าบ้านหลังสุดท้ายจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร เช่น บ้านต้องอยู่ติดกับโรงพยาบาล หรืออยู่ติดกับแหล่งชุมชน สุดท้ายเรื่องภาระครอบครัว ต้องวางแผนเรื่องการดูแลคนในครอบครัวหรือวางแผนให้มีคนมาดูแลเพียงแค่ดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพแล้ว

งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี

งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี
ปัจจุบันมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด และมีการคาดคะเนว่าในอีก 13 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17 จากสถิติดังกล่าว ยืนยันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าสังคมไทยจะกลายเป็นผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้สูงอายุเป็น "ผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ"

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ โดยคณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุจึงจัดเสวนาเรื่อง "เวทีแลกเปลี่ยนความคิด ใช้ชีวิตเมื่อสูงวัย" ที่สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ศ.นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย ได้เผยเคล็ดลับสุขภาพดีที่ปฏิบัติมานับสิบปีจนตอนนี้อายุ 74 ปีว่า ยึดทางสายกลาง ไม่จำเป็นต้องมีสุขภาพดีเลิศ แค่ดูแลร่างกายให้ไม่เจ็บป่วยก็พอ ด้วยการไม่รับประทานอาหารเย็น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยออกกำลังกายเบาๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุด 30 นาที เพียงแค่นี้จะช่วยลดประมาณน้ำตาลในเลือดและไขมันทุกชนิดได้"ร่างกายคนเรารับประทานอาหารแค่ 2 มื้อ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คือเช้ากับเที่ยงก็พอ เพราะกินมากกว่านั้นมันเกินความต้องการของร่ายกาย ซึ่งตลอด 40 ปีที่ผมไม่กินข้าวเย็นจนถึงตอนนี้สุขภาพยังคงแข็งแรงดี ทำอะไรได้ทุกอย่าง ทั้งทำงาน ออกกำลังกาย ผมเดินวันละ 3-5 กิโลเมตร เล่นเทนนิสได้ การไม่กินอาหารเย็นเป็นการฝึกฝนให้เราชนะใจตัวเอง รู้จักพอเพียงกับชีวิต และตัดกิเลสได้" ศ.นพ.เสกแนะนำวิธีฝึกตนให้งดอาหารเย็นง่ายๆ จากประสบการณ์ของตนเองว่า ค่อยๆ ลดปริมาณอาหาร ส่วนตอนค่ำถ้าหิวก็ดื่มน้ำ ฝึกอย่างนี้ประมาณ 2 ปีจนกระเพาะชิน หลังจากนั้นก็ทำได้โดยไม่ต้องฝืน แต่ถ้าทำไม่ได้ อีกวิธีคือรับประทานเม็ดแมงลักเป็นอาหารเย็น โดยนำเม็ดแมงลักมาทำความสะอาด แล้วนำไปอบในเตาอบความร้อน 120 องศา เวลา 20 นาที จากนั้นตักเม็ดแมงลัก 2-3 ช้อนโต๊ะใส่ลงให้น้ำแกงจืด แล้วรับประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลกับผู้ที่อยากลดน้ำหนักด้วย ในระยะเวลา 1 เดือนน้ำหนักจะลดลงประมาณ 3-4 กิโลกรัม แต่ถ้าใครไม่ชอบเม็ดแมงลัก สามารถรับประทานแก้วมังกรแทนได้ ส่วนผู้สูงอายุที่งดอาหารเย็นไม่ได้ เพราะมีโรคประจำตัวต้องกินยาหลังอาหาร ให้รับประทานอาหารมังสวิรัติแทน ส่วน ผศ.ดร.วิรชฎา บัวศรี คณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุ ได้แนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนสูงวัยว่า ต้องเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ควรดูแลด้วยการตรวจเช็คสภาพร่างกายอยู่เสมอ ด้านการเงินควรเตรียมพร้อมออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ประมาณ 30 ปีขึ้นไป ด้านที่อยู่อาศัย เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปี ควรวางแผนว่าบ้านหลังสุดท้ายจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร เช่น บ้านต้องอยู่ติดกับโรงพยาบาล หรืออยู่ติดกับแหล่งชุมชน สุดท้ายเรื่องภาระครอบครัว ต้องวางแผนเรื่องการดูแลคนในครอบครัวหรือวางแผนให้มีคนมาดูแลเพียงแค่ดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพแล้ว

กินบร็อกโคลี่-กะหล่ำสด ลดเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร

กินบร็อกโคลี่-กะหล่ำสด ลดเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร
กินบร็อกโคลี่-กะหล่ำสด ลดเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถ้าอยากลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะแล้วล่ะก็ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันรอสเวลพาร์คแคนเซอร์ สหรัฐอเมริกา แนะนำว่า ต้องกินบร็อกโคลี่หรือกะหล่ำปลีสดอย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้ง ถ้าทำตามที่แนะนำแล้วล่ะก็ จะลดความเสี่ยงลงถึง 40%ดร.จางหยูเช็ง สอบถามผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 275 คน และผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ 825 คน ถึงพฤติกรรมการกินผักตระกูลครูซิเฟอรัส ซึ่งเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีสารไอโซธิโอไซยาเนตส์ หรือสารลดการก่อมะเร็งมาก อย่างบร็อกโคลี่และกะหล่ำปลีสด พบว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่และกินผักตระกูลนี้อย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้งนั้น มีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารน้อยกว่าผู้ที่สูบบุหรี่และกินบร็อกโคลี่และกะหล่ำปลีเดือนหนึ่งไม่ถึง 3 ครั้งถึง 73%สำหรับบร็อกโคลี่และกะหล่ำปลีที่เอาไปทำจนสุกนั้น ดร.จาง กล่าวว่า ไม่ได้ผลในการลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารเท่ากับกินสดๆ เพราะการผ่านความร้อนทำให้ สารไอโซธิโอไซยาเนตส์ลดจำนวนลงถึง 60-90%นอกจากนี้ คณะของดร.จาง ยังทำการทดลองกับหนู โดยทำพันธุวิศกรรมหนูให้พัฒนาเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร จากนั้นจึงให้กินบร็อกโคลี่สดๆ พบว่า หนูกินบร็อกโคลี่สดมากเท่าใด โอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารก็น้อยเท่านั้น


ช่างเป็นข่าวดีที่สุดเลยค่ะ จะกินทุกวันเลย อุอุ

หุ่นดีเพื่อลดค่าใช้จ่าย

หุ่นดีเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ค่าหมอแพง ค่ายาแพง ค่าโรงพยาบาลแพง คุณเคยบ่น แล้วคุณคิดที่จะลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้วหรือยัง ? ปัจจุบันกระแสการลดน้ำหนักมิได้เพื่อเหตุผลด้านความสวยงามอีกต่อไป แต่เพื่อการมีสุขภาพที่ดี การมีสุขภาพที่ดีนอกจากจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ไม่เจ็บออดๆ แอดๆ ไม่มีข้อจำกัดในการสนุกสนานกับเพื่อนและครอบครัว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากความจำเป็นในการรักษาพยาบาลในอนาคตอีกด้วย ความอ้วน เป็นความเสี่ยงในการเกิดโรคซึ่งจะนำไปสู่ค่ารักษาพยาบาลที่มากมายในอนาคตได้ โรคตัวดีที่กำลังแพร่ระบาดอย่างมากก็คือ โรคเบาหวาน ปัจจุบันอัตราการเกิดโรคเบาหวานของคนเอเชีย รวมถึงคนไทยเพิ่มขึ้นมาก ในปี ค.ศ. 2000 จำนวนผู้ป่วยเบาหวานในเอเชียมี 84.5 ล้านคน และได้มีการทำนายว่าจำนวนผู้ป่วยนี้จะเพิ่มขึ้นอีกถึง 57% ภายในปี ค.ศ. 2010 เมื่อปีที่แล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกาสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโรคนี้ถึง 132 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุใหญ่ของการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยก็คือการที่เราอิ่มหนำสำราญกับอาหาร และสุขสบายกับการนั่งๆ นอนๆ กันจนเกินควร ของทอดและน้ำอัดลมหน้าโรงเรียนกับเด็กนักเรียนเป็นเรื่องคู่กัน หลังเลิกนั่งเรียนที่โรงเรียน ก็ไปนั่งเรียนกันต่อในชั้นเรียนพิเศษ วันหยุดสุดสัปดาห์นัดเพื่อนที่ร้านอาหารด่วนแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารทันสมัย สั่งอาหารขนาดใหญ่ที่สุดเพราะคิดราคาต่อหน่วยแล้วคุ้มกว่าเยอะ สั่งมาแล้วก็ต้องทานให้หมดเพราะว่าไม่อย่างนั้นเสียของ ทานเสร็จก็เข้าไปนั่งดูหนังพร้อมเปิบข้าวโพดคั่วราดเนยถังใหญ่ เข้ามหาวิทยาลัยเริ่มลงพุง เพราะบริโภคแอลกอฮอล์อย่างเมามัน ไม่ดื่มคอจะไม่แข็ง คอไม่แข็งเดี๋ยวจะไม่แมน เมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงาน แต่ละวันเหน็ดเหนื่อยกับการนั่งทำงานทั้งวัน แล้วก็ต้องนั่งในรถเพื่อกลับบ้าน ไม่มีเวลาทำอาหาร ซื้ออาหารจานด่วนทานนอกบ้านเป็นประจำสะดวกกว่ากันมาก ขับรถไปทำงานก็ขอวนแล้ววนอีก เพื่อให้ได้ที่จอดใกล้ตึกที่สุดเพื่อประหยัดแรงเดิน เข้าตึกแล้วก็ขอกดลิฟต์เพราะมีให้ใช้เลยต้องใช้ จะติดต่องานกับโต๊ะตรงข้าม หมุนโทรศัพท์ดีกว่า ประหยัดเวลาแถมไม่ต้องเดินอีกต่างหาก เมื่อแต่งงานแล้วเรียบร้อยก็ปล่อยตัวมากกว่าเดิม ก็ไม่จำเป็นต้องหล่อต้องสวยเท่าแต่ก่อนแล้วนี่นา เมื่อมีลูก ลูกทานอาหารเหลือ เป็นหน้าที่ของป๊ะป๋ากับหม่าม้าในการกำจัดของเหลือ งานก็ยุ่ง ลูกก็ยุ่ง อืม...เลี้ยงลูกด้วยอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดดีกว่า มันสะดวกอย่างที่เขาโฆษณาจริงๆ โรคเบาหวานเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หาย ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องมาพบแพทย์ เพื่อติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายในการรักษาจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และหากไม่มารับการดูแลรักษาที่ดี ผู้ป่วยเบาหวานเหล่านี้จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย เช่น โรคไตเสื่อม โรคเบาหวานขึ้นตา หรือแผลเบาหวานซึ่งรักษาให้หายได้ยากมาก โรคแทรกซ้อนเหล่านี้นอกจากจะทำให้คุณภาพชีวิตเสื่อมลง ยังทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า หากดูแลรักษาได้ครบถ้วนตั้งแต่ต้น ผู้ป่วยจะต้องเสียค่าล้างไตหากเกิดอาการไตเสื่อม เสียค่าทำแผล ค่าตัดต่อเส้นเลือด ค่าอวัยวะเทียม หากเกิดแผลเบาหวานที่รักษาไม่หาย เสียค่ารักษาตาหากเกิดโรคเบาหวานขึ้นตา นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ได้แก่ การสูญเสียเวลาและคุณภาพการทำงานของผู้ป่วยและผู้ดูแล นอกจากโรคเบาหวานแล้ว ความอ้วนยังเป็นตัวการสำคัญในการเกิด โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง อีกด้วย และโรคสองโรคนี้จะนำพาไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเองก็สามารถนำไปสู่การเป็นโรคสองโรคนี้ด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ของโรคทั้งสามฟังดูแล้วน่างุนงง แต่ที่ไม่งงแน่นอนคือทุกอย่างมีจุดกำเนิดมาจากความอ้วนและล้วนแต่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาทั้งสิ้น พร้อมยังเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดและหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของ 80% ของผู้ป่วยเบาหวาน ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอันมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้นสามารถป้องกันได้ด้วยการป้องกันโรค และหากเป็นโรคแล้ว สามารถลดค่าใช้จ่ายได้โดยการหมั่นพบแพทย์เพื่อรับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด การป้องกันโรคและการป้องกันโรคแทรกซ้อนทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย หุ่นดี สบายตา สบายใจ

สบายกระเป๋า ธัญญา หิมะทองคำ โรงพยาบาลเทพธารินทร์

จงฉวยโอกาส ป้องกันกระดูกพรุน

จงฉวยโอกาส ป้องกันกระดูกพรุน
จงฉวยโอกาสเถอะครับ โอกาสที่จะป้องกันกระดูกพรุนในตอนแก่ ด้วยการสะสมของแคลเซียมไว้ในกระดูดพรุนให้มากๆ ในช่วงของวัยที่ยังไม่แก่ โดยเฉพาะวัยเจริญพันธุ์ หรือวัยที่ลูกได้และโอกาสนี้ก็คือตอนตั้งครรภ์นี่แหละครับ

…ตำราเขียนไว้ว่า คุณผู้หญิงที่เคยตั้งครรภ์มีลูกจะมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้น้อยกว่าหญิงที่ไม่เคยตั้งครรภ์เลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น…ก็ขอเชิญอ่านต่อไป เพื่อหาคำตอบ
พูดถึงธาตุแคลเซียม ถือได้ว่าเป็นธาตุที่มีความจำเป็นและสำคัญต่อร่างกายมนุษย์เราเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูกตามที่รู้ๆ กันนอกจากนี้ มันยังมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ของร่างกาย ก็เพราะแคลเซียมไม่พอดีนี่แหละครับนักกีฬาหลายคน ล้มกลิ้งงอหงายเพราะเป็นตะคริว แคลเซียมยังมีความสำคัญต่อระบบการแข็งตัวของเลือด และอีกหลายอย่าง เอาแค่กระดูกเพียงอย่างเดียวก็จะเห็นได้ว่า แคลเซียมนั้นมีความสำคัญมหาศาล มีใครบางคนถามว่าในแต่ละวัยนั้น มนุษย์เรามีความต้องการแคลเซียมมากน้อยแค่ไหนคำตอบก็คือ
ในแต่ละวัยมีความต้องการแคลเซียมไม่เท่ากันในวัยทารก วัยเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งต่างก็มีความต้องการแคลเซียมมาก เพื่อการเจริญเติบโต เพาระความแข็งแรงของกระดูก พอสรุปได้ว่า วัยดังกล่าวมีความต้องการธาตุแคลเซียมประมาณวันละ 1,200 - 1,500 มิลลิกรัมกันเลยทีเดียวเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ความต้องการลดน้อยลง เพราะความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกไม่มีแล้ว จะมีก็แต่เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไปของเนื้อกระดูกและส่วนของวแคลเซียมที่นำไปใช้ในกรณีอย่างอื่นเช่น การออกกำลังกาย ใช้กล้ามเนื้อและที่สำคัญคือ ช่วยในเรื่องการตั้งครรภ์ของคุณผู้หญิงที่ผมบอกว่า จงฉวยโอกาส ก็ตอนนี้แหละครับ
จงฉวยโอกาสปล่อยให้ร่างกายเก็บเอาธาตุแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายไปเก็บไว้ในโกดังคือกระดูกให้เต็มที่ ในภาวะปกติของร่างกาย จะรับปริมาณแคลเซียมในจำนวนที่พอดีต่อความต้องการของร่างกายนั่นหมายความว่า ถ้าคุณรับประทานธาตุแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มากไป ร่างกายก็จะปิดประตูรับ คือ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยลง เพื่อหยุดการดูดซึม……ทางลำไส้……เพราะเรารับระทานธาตุแคลเซียมเข้าไปทางปากในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็นเม็ด เป็นชนิดฟองฟู่ ละลายน้ำ หรือมาในรูปของอาหารและเครื่องดื่มเมื่อร่างกายได้รับปรับธาตุแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอแล้ว ส่วนเกินของแคลเซียมก็จะถูกขับออกไปทางอุจจาระด้วยภาวะปกติ เรามักจะได้ปริมาณของธาตุแคลเซียมที่พอดีหรือน้อยเกินไปเท่านั้นในกรณีที่มากเกินไปเท่านั้นในกรณีที่ได้มากไป ด้วยการรับประทานนั้นมีค่อนข้างน้อยไม่เหมือนที่คุณกำลังตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอายุครรภ์ 5 เดือนไปแล้ว ร่างกายของคุณจะเปิดรับธาตุแคลเซียมอย่างเต็มที่คุณรับประทานเข้าไปเท่าไร ลำไส้เปิดประตูรับดูดซึมไปเก้บไว้ในกระดูกของคุณอย่างเต็มที่และไม่อั้นดังจะเห็นได้ว่า ในช่วงที่คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น คุณจะเกิดเป็นตะคริวมากขึ้น ทั้งในกรณีที่ร่างกายของคุณได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอต่อวัน และก็เป็นตะคริวด้วยเป็นต้น ถ้าคุณรับประทานแคลเซียมมากเกินความต้องการของร่างกาย นั่นหมายความว่าถ้าหากปริมาณของธาตุแคลเซียมในเลือดมีไม่พอดี มันก็จะบอกคุณด้วยอาการตะคริวดังนั้นในช่วงของการตั้งครรภ์ คุณต้องฉวยโอกาสรับประทานแคลเซียมให้มากเข้าไว้ อย่าให้น้อยกว่าความต้องการของร่างกาย จงจำไว้ว่า ในแต่ละวันที่คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น คุณต้องรับประทานปริมาณแคลเซียมให้ได้อยู่ระหว่าง 1,200 - 1,500 มิลลิกรัม อย่าให้น้อยกว่า 1,200 มิลลิกรัมมากกว่า 1,500 มิลลิกรัมนั้นไม่เป็นไรอย่างเก่งคุณก็เป็นตะคริว แต่คุณจะได้ปริมาณของแคลเซียมไปเก็บไว้ในกระดูกอย่างเหลือเฟือทำให้กระดูกของคุณแข็งแรง และไม่เกิดเป็นโรคกระดูดพรุน ในวัยทองหรือตอนแก่นับเป็นการวางแผนป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยทองกันตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์หรือวัยกำลังมีลูกถ้าคุณคิดคำนวณเป็นวันก็คงไม่ยากในการคำนวณปริมาณของแคลเซียมที่คุณจะได้รับในแต่ละวัน คิดง่ายๆ ดังนี้นะครับในอาหารที่คุณรับประทานในแต่ละวันจะมีปริมาณของแคลเซียมโดยเฉลี่ยปริมาณ 400 - 500 มิลลิกรัม ดังนั้นคุณยังคงขาดและต้องเสริมเข้าไปอีกปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม1,000 มิลลิกรัมนี้จะเอามาจากไหนหลายคนคาดเอาว่าก็เอามาจากน้ำนมสิครับ หลายคนเข้าใจว่าในนำนมคงจะอุดมไปด้วยธาตุแคลเซียม ว่าไปแล้วในน้ำนมนั้นมีปริมาณธาตุแคลเซียมอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้นแหละ แต่มันอุดมไปด้วยไขมัน และคาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง เสียมากกว่า ดังนั้นการดื่มนม จึงไม่ค่อยจะโสภานักแต่เอาละในเมื่อนมหาง่าย นั้นก็หมายความว่าแคลเซียมหาได้ง่ายเช่นกันและคุณต้องรู้ว่าในน้ำนมนั้น 100 ซีซี จะมีแคลเซียมประมาณ 130 มิลลิกรัม ผมหมายถึงน้ำนมสด จากนมวัวนะครับดังนั้น นมวัวสดกล่องขนาด 240 ซีซี จึงมีปริมาณแคลเซียมประมาณ 300 มิลลิกรัม คุณควรดื่มวันละ 2 กล่อง ไม่ควรมากกว่านั้น เปล่าเลยมิใช่เกรงว่าคุณจะได้รับแคลเซียมมากไป แต่ผมเกรงว่าคุณจะได้รับสารไขมันและแป้งมากเกินไปนะซิ มันไม่ดีใช่ไหมครับ แต่ถ้าหากคุณรับประทานนมปรุงแต่ง ซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อตามท้องตลาดที่เขาใส่แคลเซียมลงไปให้มากขึ้นคุณก็ต้องอ่านทำความเข้าใจนะครับว่าคุณจะได้รับปริมาณแคลเซียมเข้าไปเท่าไร ต่อการดื่มในแต่ละครั้ง ขอให้คำนวณว่าคุณควรจะได้รับในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นใช้ได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ดื่มนมไม่ได้เพราะคุณเป็นคนแพ้นม หรือดื่มนมทีไรท้องเสียทุกที ก็อย่าเพิ่งน้อยใจในวาสนานะครับมันยังมีแคลเซียมที่ผลิตออกมาเป็นเม็ดๆ มากมาย ขอให้สบายใจได้ ข้อสำคัญก็คือ อย่าปล่อยให้โอกาสแบบนี้ลอยนวลไปเฉยๆ นะครับ…..เสียดาย.

ชา-กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่ไตได้

ชา-กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่ไตได้

ชา-กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่ไตได้
25 ธันวาคม 2550 12:26 น.

ผลการศึกษาล่าสุดในสหรัฐพบว่า ชา-กาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่ไตได้

(25ธค.) วารสารมะเร็งนานาชาติได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดของคณะนักวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในบอสตัน ซึ่งพบว่า ชาและกาแฟอาจช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งที่ไตได้ หลังพบว่าอัตราการเติบโตของมะเร็งที่ไตในกลุ่มทดลองที่ดื่มกาแฟวันละสามถ้วยหรือมากกว่านั้น น้อยกว่ากลุ่มที่ดื่มกาแฟไม่ถึงถ้วยต่อวันถึง 16% ขณะที่กลุ่มที่ดื่มชาววันละหนึ่งถ้วยมีโอกาสเสี่ยงของมะเร็งไตน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มเลย 15% ขณะที่ ไม่พบว่า นม โซดา และน้ำผลไม้ มีผลทางใดทางหนึ่งต่อมะเร็ง

เหตุผลก็เพราะ ชาและกาแฟอาจกระตุ้นความตื่นตัวของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลินซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คณะวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ระดับของอินซูลินที่สูงอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งที่ไตได้ นอกจากนี้ ในชาและกาแฟจะมีสารประกอบต้านอนุมูลอิสระซึ่งอาจช่วยป้องกันเซลล์ในไตไม่ให้เกิดมะเร็งได้

แม้ผลสรุปจะได้จากรวบรวมผลการศึกษาระยะยาวที่มีหญิง-ชายเข้าร่วมการวิจัยจำนวนมากแต่คณะวิจัยยังต้องการศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้เพิ่มเติมต่อไป

http://www.komchadluek.net/2007/12/25/g001_182906.php?news_id=182906

เย้ได้ข้ออ้างทานอีกแล้ว

7 ขั้นตอนหุ่นสวยด้วยไฟเบอร์

7 ขั้นตอนหุ่นสวยด้วยไฟเบอร์
ไฟเบอร์ คืออะไร

ถ้าถามว่ารู้จักไฟเบอร์กันมั้ย ? หลายคนคงตอบได้ หรืออาจจะมีบางคนแอบต่อว่าว่า คนถามนี้เช้ย เชย… สมัยนี้ใครๆ ก็รู้จัก "ไฟเบอร์" กันทั้งนั้น แต่ก็ขอบอกกันอีกสักครั้งแล้วกัน เผื่อผู้ที่ยังไม่รู้จะได้เข้าใจกันก่อน
ไฟเบอร์ก็คือ กากใยอาหาร ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ดังนั้นเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายก็จะขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย และเจ้าไฟเบอร์หรือกากใยเหล่านี้แหละ ที่มีผลในการช่วยลดโคเลสเตอรอลในร่างกาย รวมทั้งช่วยให้ร่างกายขับถ่ายสะดวกขึ้น โรคเกี่ยวกับลำไส้หรือริดสีดวงก็จะไม่ถามถึง พูดง่ายๆ ว่าช่วยป้องกันโรคริดสีดวงจากการนั่งขับถ่ายนาน โรคลำไส้ต่างๆ ได้ทางอ้อม และข้อดีของการที่ของเสียไม่หมักหมมอยู่ในร่างกายนานนั้น ก็จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส สังเกตดูได้ หากเราเป็นคนที่ขับถ่ายปกติ ไม่ท้องผูก ร่างกายก็จะดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แต่ถ้าช่วงไหนที่ท้องผูก ก็จะรู้สึกอึดอัดแล้วไม่สดชื่น บางรายพาลเป็นไข้เลยก็มี เหล่านี้ คือประโยชน์ของไฟเบอร์ แล้วไฟเบอร์นี่ …มีอยู่ที่ไหน ?? คำตอบก็คือ ในพืชอาหารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ธัญพืช ผัก ผลไม้ และเมล็ดพืช แม้แหล่งอาหารที่มีไฟเบอร์จะมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่เชื่อไหมว่า…มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ร่างกายขาดไฟเบอร์ เพราะอะไร ? ก็เพราะอาหารที่รับประทานในแต่ละวันนั้น มีไฟเบอร์ประกอบอยู่น้อยเกินไป ลองนึกดูเล่นๆ สมมติว่านี่คือเมนูอาหารแต่ละมื้อใน 1 วัน
มื้อเช้า : กาแฟ ไข่ดาว
มื้อกลางวัน : ข้าวกระเพราไก่ ไข่ดาว
มื้อเย็น : ข้าวราดแกง
ถ้าเมนูเป็นแบบนี้ ทายได้เลยว่าผู้นั้น ต้องประสบกับภาวะท้องผูกเป็นประจำ เราลองมาเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์ครบถ้วน และเพียงพอที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และคงสภาพของทรวดทรงองเอวที่ดูดี ด้วยเคล็ดลับ 7 ประการ เพื่อหุ่นสวยด้วยไฟเบอร์

7 วิธีเพื่อหุ่นสวย
1. หากคุณเป็นคนที่เริ่มต้นมื้อแรกของวันด้วยกาแฟกับขนมปัง ก็ให้เลือกขนมปังโฮลท์วีท แทนขนมปังขาว หรือลองเลือกซีเรียลแบบธัญพืชผสม หรือข้าวโอ๊ตหนึ่งถ้วยเป็นมื้อเช้าแทนกาแฟ ขนมปัง
2. ข้าวมื้อกลางวัน ที่เคยรับประทานแต่ข้าวขาว ก็ให้ลองเปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง หรือข้าวกล้องผสมข้าวขาว แทนข้าวขาวล้วน (ถ้าไม่สะดวกทุกมื้อก็ไม่เป็นไร ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ)
3. หากเป็นคนชอบรับประทานอาหารประเภทเส้น ก็เลือกใช้เส้นหมี่ที่ทำจากข้าวกล้อง หรือรำข้าว แทนเส้นสีขาวทั่วไป เช่น หมี่ข้าวกล้อง พาสต้าข้าวกล้อง ขนมจีนข้าวกล้อง ฯลฯ
4. กับข้าวในทุกมื้ออาหาร เลือกให้มีอาหารจานผักเป็นกับข้าวหลัก ประเภทผัดผัก น้ำพริกผักสด ผักต้ม แกงส้มผักรวม แกงเลียง
5. ในหนึ่งสัปดาห์ ให้รับประทานเมนู "สลัดผัก" ให้ได้อย่างน้อย 3 มื้อ โดยอาจเติมผลไม้ลงไปด้วยก็ได้ เพื่อไม่ให้จำเจหรือเบื่อหน่าย โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก
6. อาหารว่าง ควรเลือกอาหารว่างประเภทที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เช่น ถั่ว ข้าวโพด และธัญพืชทุกประเภท ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นถั่วทอด เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วตัด ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดต้ม แครกเกอร์ ธัญพืช งาดำตัด หรือคุ๊กกี้ข้าวโอ๊ตก็เหมาะดี
7. อย่าลืม! ผลไม้ แหล่งไฟเบอร์ที่สำคัญ ทุกมื้ออาหรของคุณควรปิดท้ายด้วยผลไม้เสมอ และควรเลือกผลไม้ที่ไม่เพิ่มความอ้วน เช่น ส้ม ชมพู่ สับปะรด ส้มโอ แอปเปิ้ล แตงโม เป็นต้น เคล็ดลับง่ายๆ 7 ข้อนี้ คิดว่า…ทำได้ไม่ยาก แต่ต้องมีความตั้งใจในการที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของคุณเองด้วยนะ วิธีการที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์อย่างเพียงพอก็คือ ต้องรู้จักว่าไฟเบอร์คืออะไร และมีอยู่ที่ไหน แล้วก็เลือกรับประทานอาหารแบบนั้นๆ ในสัดส่วนที่มากกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไขมัน โปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรต
เมื่อเลือกผักสลัดที่ชอบแล้วก็ลงมือคลุกเคล้าด้วยน้ำสลัดในแบบของคุณ หากเป็นได้ลองเลือกน้ำสลัดแบบใสที่ปรุงมาจากน้ำส้มสายชูแท้ น้ำตาล เกลือ ราดลงบนผักสด ความกรอบหวานของผักนานาชนิด กลมกล่อมด้วยน้ำราดรสชาติอร่อย…แค่นี้สลัดผัก ก็จะกลายเป็นเมนูเด็ดแทนอาหารจานด่วนทั้งหลายแหล่ได้ไม่ยาก สิ่งดีดีนั้น ธรรมชาติมักให้มาอยู่แล้ว เพียงแค่เรารู้จักเลือกให้เหมาะสม
รับประทานอาหารให้ถูกประเภท หนักไปทางผัก ผลไม้ งดเว้นอาหารมัน หรือรสจัดมากเกินไป และรู้จักรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารจานด่วนมาตลอดชีวิต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพื่อให้ได้ไฟเบอร์ที่เหมาะสมกับร่างกายนั้น จะต้องปฏิบัติตามกฎ ที่ขอเรียกว่าเป็นกฎเหล็กเลยก็แล้วกัน เพราะเป็นสิ่งซึ่งต้องปฏิบัติตาม กฎเหล็ก ที่ว่าก็คือ ห้ามหักโหมเป็นอันขาด ต้องค่อยๆ เพิ่มปริมาณไฟเบอร์ให้ร่างกายของคุณทีละน้อยๆ เพราะไม่เช่นนั้น กระเพาะซึ่งคุ้นชินกับอาหารย่อยง่าย พอต้องมาทำงานหนักก็มักจะพาลเกเร ทำเอาร่างกายคุณปั่นป่วนรวนเร ท้องอืดท้องเฟ้อเอาง่ายๆ แล้วคุณเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายบอกลากับไฟเบอร์ไปเสียก่อน
…ปรับตัวสักพัก แล้วคุณจะพบคุณคนใหม่ที่ผอมเพรียว สวยสมใจ และผลพลอยได้ที่มีค่ากว่าหุ่นสวย ก็คือ ชีวิตที่สดใสกับสุขภาพที่แข็งแรง

อาหารแสลง ของความเจ็บป่วย

อาหารแสลง ของความเจ็บป่วย
ถ้าจะพิจารณาถึงอาหารที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยแล้ว อาหารหลายชนิด และโรคมีความสัมพันธ์กัน เพราะถ้ากินอาหารชนิดนั้นๆ เป็นเวลานานจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคได้ หรือเมื่อเป็นโรคแล้วจำเป็นต้องลดปริมาณ จำกัดปริมาณ หรืองดการกินอาหารนั้นๆ เพื่อช่วยให้อาการทุเลาลง หรือช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้ป่วย อาหารเหล่านั้นมักเรียกกันว่า อาหารแสลง

คนส่วนมากมักจะเข้าใจกันเอาเองว่า อาหารแสลง เหล่านี้เป็นอาหารที่ต้องระวัง หรืองดเฉพาะในระหว่างที่มีการเจ็บป่วยเท่านั้น แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ถ้ามีการระมัดระวัง ในการกินตั้งแต่แรกก่อนเกิดการเจ็บป่วย ท่านอาจจะไม่เกิดโรคก็ได้ หรืออาจยืดระยะเวลา ของการเกิดโรค เช่น อาหารที่มีไขมันสูง มีโคเลสเตอรอลสูง ถ้ากินบ่อยๆ และไม่ออกกำลังกาย ท่านอาจจะอ้วน และมีปัญหาของภาวะไขมันสูง เมื่ออายุไม่เกิน 30 ปี แต่ถ้าท่านระวังหลีกเลี่ยง อาหารเหล่านั้น รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ ท่านอาจจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้เลยก็ได้ นอกจากในกรณีที่เป็นกรรมพันธุ์ เพราะฉะนั้นอาหารแสลงในที่นี้จึงมิใช่อาหารแสลง เฉพาะในเวลาเจ็บป่วยเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงอาหารแสลงของความเจ็บป่วย หรืออาหารแสลงที่จะทำให้เกิดความเจ็บป่วยนั่นเอง
อาหารแสลงเหล่านั้นมีหลายชนิด แต่จะหยิบยกมากล่าวถึงเฉพาะที่เราพบ และมักจะบริโภคกันทุกวัน ซึ่งได้แก่

อาหารที่มีรสจัด
อาหารไทยเป็นอาหารที่มีหลายรส ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ขม คนจำนวนไม่น้อย ชอบอาหารที่มีรสจัด โดยเฉพาะเผ็ด เค็ม และเปรี้ยว ซึ่งอาหารทั้งสามรสนี้จะมีผลโดยตรง ต่อระบบทางเดินอาหาร ถ้ากินอาหารที่มีรสเผ็ดมากในระยะเวลานาน อาจจะทำให้มีอาการปวดท้อง และเกิดการอักเสบของอวัยวะทางเดินอาหารได้ และอาการจะกำเริบมากขึ้น ถ้าไม่ลดความจัด ของรสอาหารที่กินลง อาหารที่มีรสจัดๆ นั้นส่วนมากเป็นอาหารประเภท ยำ ลาบ ส้มตำ ซึ่งกรรมวิธีในการประกอบอาหารก็ไม่ได้รับความร้อนสูงมากนัก อาจจะทำในลักษณะสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะลาบ
ดังนั้นถ้าไม่สะอาดทั้งวัตถุดิบและผู้ประกอบอาหาร อาหารนั้นก็อาจจะมีเชื้อโรค และทำให้ผู้บริโภคเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย เป็นบิด หรือได้รับพยาธิเข้าไปในร่างกายได้ เพราะฉะนั้น เพื่อป้องกันอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสจัดมากๆ โดยเฉพาะรสเผ็ด และควรจะงด ถ้ามีอาการของโรคเกิดขึ้น พร้อมกับทำการรักษาควบคู่ไปด้วย

อาหารที่มีไขมันและน้ำมัน
สูงอาหารหลายชนิดมีไขมันสูง เช่น ขาหมู หนังเป็ด หนังไก่ หมูสามชั้น แคบหมู รวมไปถึงอาหารชุบแป้งทอดที่อมน้ำมัน อาหารที่มีกะทิมากๆ การกินอาหารเหล่านี้มาก ทำให้ร่างกายได้รับไขมันสูง ปริมาณไขมันที่ได้รับจะไม่เห็นชัดว่ามากหรือน้อย เพราะจะดูดซึมและแฝงอยู่ในอาหาร และบางอย่างมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เมื่อร่างกายได้รับมากโดยเฉพาะไขมันที่มาจากสัตว์ กะทิ จะเกิดการสะสม และเกาะตามผนังของเส้นเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตันโลหิตไหลผ่านไม่สะดวก หัวใจต้องทำงานหนักในการสูบฉีดโลหิตในระยะเวลาจะทำให้เกิดปัญหาของความดันโลหิตสูง เส้นโลหิตขยายตัวไม่ได้ เกิดการแตก หรือหัวใจที่ทำงานหนักตลอดเวลา ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง การบริโภคปริมาณมาก ทำให้ร่างกายได้พลังงานสูงไปด้วย ถ้าพลังงานที่ได้รับมากเกินความต้องการ ก็เกิดการสะสมไว้ใต้ผิวหนัง เยื่อบุต่างๆ ช่องท้อง สะโพก ทำให้อ้วนได้ เมื่ออ้วน ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพก็จะตามมา จากการศึกษาพบว่า คนอ้วนมีโอกาส เป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ เพราะฉะนั้นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคนิ่ว โรคไต ก็เป็นโรคที่อาจเกิดแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่อ้วน ที่ไม่ดูแลรักษาตัวเอง และเมื่อเป็นโรคเหล่านั้นแล้ว อาหารที่มีไขมัน น้ำมันสูงๆ ก็ควรจะพยายามลดปริมาณการกินลงเพื่อบรรเทาอาการของโรคหรือป้องกันโรคแทรกซ้อน ที่อาจจะเกิดตามมาภายหลัง

น้ำตาลและอาหารที่มีน้ำตาล
น้ำตาลเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้กันมากในการทำอาหาร เพราะมีส่วนทำให้อาหารมีรสกลมกล่อม และช่วยให้สีของอาหารออกมาดี น่ารับประทาน ขนมหวานต่างๆ โดยธรรมชาติจะมีรสหวาน ที่ทำให้ผู้บริโภคทุกท่านทราบว่า มีน้ำตาล แต่อาหารบางอย่างที่มิใช่ขนมแต่เป็นอาหารคาว ก็มีการเติมน้ำตาลหรือมีน้ำตาลแฝงอยู่ แต่ผู้บริโภคไม่ตระหนักถึงเพราะลักษณะเป็นอาหารคาว เช่น หมี่กรอบ ซึ่งต้องทอดกรอบแล้วเคล้ากับน้ำตาล ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ซึ่งโดยลักษณะของอาหาร จะมีรสหวานนำ แกงมัสหมั่น ที่มีลักษณะมันและมีสามรส แต่รสหวานนำ น้ำปลาหวาน เป็นเครื่องจิ้มที่ชื่อนำด้วยคำว่าน้ำปลา ทำให้ความสนใจในความหวานของน้ำตาล ที่เป็นส่วนประกอบหมดความสำคัญลงไป เครื่องจิ้มของดองต่างๆ หรือผลไม้ที่เรียกว่า พริกกับเกลือ โดยความเป็นจริงมีน้ำตาลผสมอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย เวลานำผลไม้ดอง หรือผลไม้สดมาจิ้ม จึงเท่ากับจิ้มน้ำตาลไปด้วย จะเห็นว่า น้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่แทรกอยู่ในอาหารหลายชนิดทั้งในลักษณะของอาหารหวาน อาหารคาว และเครื่องจิ้ม คนที่ระวังเรื่องน้ำหนักตัวมักจะพยายามหลีกเลี่ยงขนมหวาน แต่อาหารคาว และเครื่องจิ้มก็มีน้ำตาลแฝงอยู่ไม่ได้นึกถึง ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าทำไมน้ำหนักไม่ลดสักที
น้ำตาลเป็นสารให้รสหวานขณะเดียวกันก็ให้พลังงานด้วย เพราะเป็นอาหารในกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต น้ำหวาน เพียงหนึ่งแก้วให้พลังงานมากกว่าข้าวหนึ่งทัพพี เพราะฉะนั้น การกินอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ แม้จะกินในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ก็จะให้พลังงานได้ถ้ากินมากๆ ในเด็กก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคฟันผุ และจะเกิดการสะสม พลังงานในร่างกาย ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มและอ้วนได้ในผู้ใหญ่ ดังได้กล่าวว่า ความอ้วนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคนิ่ว โรคไต เพราะฉะนั้นถ้าหากจะป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหล่านั้น ก็ควรจะต้องระวังอาหารแสลงต่อความเจ็บป่วยคือ น้ำตาล วันหนึ่งๆ ไม่ควรบริโภคน้ำตาล มากกว่า 4-5 ช้อนโต๊ะ ทั้งนี้รวมถึงน้ำตาลในขนม เครื่องดื่ม และปรุงรสอาหารอื่นๆ ด้วย ในกรณีที่เป็นโรคแล้ว โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้เช่นคนปกติ จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมอาหารไม่เพียงแต่น้ำตาลที่มีรสหวานเท่านั้น แต่อาหารประเภทแป้ง ข้าว เผือก มัน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ ก็ต้องควบคุมด้วยเช่นกัน และเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการควบคุมอาหาร ควรสอบถามหรือปรึกษานักกำหนดอาหารหรือนักโภชนาการของโรงพยาบาล ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาว จึงควรปลูกฝังนิสัยการกินอาหารให้ถูกต้องตั้งแต่วัยเด็ก ไม่ก่อให้เกิดการติดในอาหารรสหวาน ที่จะทำให้เป็นปัญหาแก่สุขภาพในอนาคต

เกลือ อาหารหมักดอง และเครื่องปรุงรสที่มีเกลือ
เกลือมีสารอาหารเกลือแร่ คือ โซเดียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ ทั้งเกลือและน้ำปลา เป็นเครื่องปรุงรสที่นิยมกันมาก โดยเฉพาะในอาหารไทย เกลือจะมีรสเค็ม เครื่องปรุงรสหลายชนิด ที่นิยมที่ดัดแปลงออกไปในรูปลักษณะต่างๆ กัน ต่างก็มีเกลือเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงอาหารรสเค็มจึงมักจะมุ่งความสำคัญที่เกลือหรือน้ำปลาเท่านั้น
ส่วนเครื่องปรุงรสเค็มชนิดอื่นๆ มักจะถูกลืม เช่น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วหวาน ซีอิ้วเค็ม น้ำปลาร้า กะปิ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ซอสแม๊กกี้ รวมไปถึงน้ำจิ้มต่างๆ เช่น แจ่ว น้ำจิ้มสามรส น้ำจิ้มอาหารย่างๆ ปิ้งๆ แม้ว่าอาหารเหล่านั้นอาจจะออกรสเค็มไม่เด่นชัด แต่ก็มีเกลือเป็นส่วนประกอบ ในการถนอมอาหาร เช่น การทำไข่เค็ม ปลาเค็ม ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง ก็มีการนำเกลือมาใช้ด้วย หรืออาหารกระป๋องแทบทุกประเภทมีการใส่สารกันบูด คือ โซเดียมเบนโซเอท ซึ่งมีโซเดียม ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเกลือผสมอยู่ หรือแม้แต่การทำอาหารฝรั่ง ประเภทเค้ก ขนมปังปอนด์ ก็มีผงฟูซึ่งมีโซเดียมเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมเป็นส่วนผสมในปริมาณมาก พบว่าจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่กินโซเดียมต่ำ รวมถึงยามที่เจ็บป่วยด้วยโรคไต โรคตับ หรือโรคหัวใจ จะทำให้เกิดอาการบวมได้ การกำจัดปริมาณโซเดียมหรือการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ จึงมีความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยประเภทนี้ เพราะจะลดอาการบวมที่เกิดขึ้น นอกจากเครื่องปรุงรสดังกล่าว ที่มีโซเดียมสูงๆ แล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เนย ไข่ ก็เป็นอาหารที่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบอยู่สูง เช่นกัน ทั้งๆ ที่อาหารเหล่านี้มิได้มีรสเค็ม จึงมักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภคเสมอว่า อาหารที่มีโซเดียมสูงจะต้องเป็นอาหารที่มีรสเค็มเท่านั้น

เหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ในด้านโภชนาการ เหล้าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่นับว่าเป็นอาหารแม้ว่าจะถูกเผาผลาญแล้ว ให้พลังงานแก่ร่างกาย ถ้าดื่มมากในระยะเวลานานจะทำอันตรายแก่ตับ เป็นโรคตับแข็ง และโรคขาดสารอาหารได้ เพราะเมื่อเผาผลาญแล้วได้พลังงาน จึงทำให้รู้สึกอิ่มไม่อยากกินอาหาร นอกจากนี้เหล้ามีสารที่ยับยั้งการดูดซึมของวิตามินและเกลือแร่ในร่างกาย จึงทำให้มีอาการขาดวิตามินและเกลือแร่ได้ หญิงตั้งครรภ์ที่ดื่มเหล้า ทำให้เด็กที่เกิดมาพิการได้ แต่ถ้าดื่มในปริมาณน้อยจะช่วยทำให้เกิดความอยากอาหาร กินอาหารได้มากและอร่อย ถึงแม้เหล้าไม่นับว่าเป็นอาหารแต่คนนิยมดื่มกันมาก จึงนับว่าเป็นของแสลงอีกอย่างหนึ่ง ต่อความเจ็บป่วย อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่เพื่อการดำรงชีวิต แต่อาหารก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค และเมื่อเป็นโรคแล้วถ้าหากกินไม่ถูก กินมากหรือน้อยเกินไป อาจทำให้โรคนั้นหายได้ช้า หรือรุนแรงได้ ตัวอย่างอาหารที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทุกคนคุ้นเคย และกินกันมาโดยตลอดเท่ากับอายุ แต่ไม่ได้ตระหนักถึงพิษร้ายที่จะตามมาภายหลัง การได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง จะช่วยให้ผู้บริโภคพึงสนใจและปฏิบัติตนในการเลือกอาหารที่บริโภค แม้ว่าการปฏิบัติบางอย่างจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เต็มที่ การปฏิบัติแบบค่อยเป็นค่อยไป ย่อมจะเกิดผลดีแก่ผู้ปฏิบัติเอง อันเป็นทางที่จะนำไปสู่ภาวะของ " อโรคยา ปรมาลาภา " ในที่สุด